Tag: โรคลำไส้อักเสบ

  • 3 โรคลำไส้ในเด็กเล็กที่พบบ่อย

    3 โรคลำไส้ในเด็กเล็กที่พบบ่อย

    สวัสดีค่ะ บทความนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคลำไส้ในเด็กเล็กที่พบบ่อย พร้อมวิธีการดูแลลูกน้อยอย่างถูกวิธีค่ะ

    3 โรคลำไส้ในเด็กเล็กที่พบบ่อย ได้แก่

    โรคลำไส้อักเสบ 

    โรคลำไส้อักเสบ 

    ลำไส้อักเสบ หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลัน จากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในลำไส้ โดยไวรัสที่พบบ่อยที่สุดคือ ไวรัสโรต้า โดยมักระบาดในช่วงฤดูหนาวและสามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสอุจจาระ น้ำมูก น้ำลาย อาจติดอยู่ตามสิ่งของเครื่องใช้หรือของเล่น เป็นต้น 

    อาการลำไส้อักเสบ ได้แก่ ถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่าปกติ ปวดท้อง ท้องอืดและอาจมีไข้ คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ในกรณีที่มีเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียอาจถ่ายเหลวมีมูกเลือดปน ข้อควรระวังเมื่อลูกมีอาการท้องร่วงคือ การสูญเสียน้ำมากอาการขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อยผิดปกติ ปากแห้ง เบ้าตาลึก กระหม่อมบุ๋ม ซึม ตัวเย็น และอาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงจนช็อกได้ค่ะ

    การดูแลลูกเมื่อมีอาการท้องร่วงสิ่งสำคัญคือ การป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำด้วยการทดแทนน้ำที่สูญเสียไป ซึ่งสามารถดูแลได้เองที่บ้านด้วยการให้ลูกดื่มสารละลายเกลือแร่บ่อยๆ ทานอาหารปรุงสุกย่อยง่าย แต่ในกรณีที่มีไข้ อาเจียน หรือพบภาวะร่างกายขาดน้ำรุนแรงควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

    การป้องกันโรคลำไส้อักเสบในเด็ก เริ่มต้นจาการดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้า เนื่องจากเป็นสาเหตุของโรคที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่ทารกอายุ 6 สัปดาห์ รวมถึงการรักษาสุขอนามัย การล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง ทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ รวมถึงไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หมั่นทำความสะอาดที่อยู่และของเล่นลูกบ่อยๆค่ะ

    ภาวะลำไส้กลืนกัน

    ภาวะลำไส้กลืนกัน

    ลำไส้กลืนกันในเด็ก เป็นภาวะที่เกิดขึ้นฉับพลันและอันตราย เกิดจากการลำไส้ส่วนต้นมุดเข้าไปในลำไส้ส่วนที่อยู่ถัดไปทางด้านปลาย หากลำไส้กลืนกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดภาวะลำไส้ขาดเลือดจนเกิดการเน่า ลำไส้แตกทะลุและเยื่อบุช่องท้องอักเสบ รวมทั้งอาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ค่ะ

    อาการภาวะลำไส้กลืนกัน คุณแม่สามารถสังเกตเมือลูกจะมีอาการปวดท้อง กระสับกระส่าย ร้องไห้เป็นพักๆประมาณ 15-30 นาทีก็เริ่มร้องอีก มือเท้าเกร็ง ท้องอืด อุจจาระปนเมือกแดง และอาจอาเจียนร่วมด้วย ในเด็กบางร่ายอาจจะมีอาการซึมหรือชักร่วมด้วยค่ะ

    วิธีการดูแลสามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่

    1. การดันลำไส้ส่วนที่กลืนกันออกให้คลายออก โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดซึ่งอาจจะใช้การสวนลำไส้ใหญ่ด้วยสารของเหลวที่เป็นสารทึบรังสี barium หรือใช้ก๊าซเป็นตัวดัน
    2. การผ่าตัดช่องท้อง เพื่อบีบดันให้ลำไส้ส่วนที่กลืนกันคลายตัวออกจากกัน วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ลำไส้กลืนกันนานจนเกิดลำไส้ขาดเลือดหรือลำไส้ทะลุค่ะ

    เนื่องจากภาวะลำไส้กลืนกันนั้นเกิดขึ้นแบบฉับพลันและไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่นอนได้ ดังนั้นการป้องกันที่ดีสุดคือการหมั่นสั่งเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันอาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ 

    ภาวะท้องผูก

    ภาวะท้องผูก

    อาการท้องผูกในเด็ก สาเหตุของอาการท้องผูกในเด็กสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีลำไส้ผิดปกติตั้งแต่กำเนิด และกลุ่มที่มีท้องผูกจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารหรือกลุ่มที่มีอาการท้องผูกจากนิสัยในการขับถ่าย เช่น การทานอาหารย่อยยาก เส้นใยอาหารน้อย การดื่มน้ำน้อย ฯลฯ

    อาการท้องผูกในเด็ก คุณแม่สามารถสังเกตได้เมื่อลูกขับถ่ายมักมีอาการดังนี้ มีอาการปวดท้องเป็นอาการนำ ท้องอืดแน่นท้อง ถ่ายยากมีลักษณะเป็นเหมือนเม็ดกระสุนเล็กๆและแข็ง หรือในบางคนเวลาถ่ายอุจจาระจะเบ่งหน้าดำหน้าแดง ร่วมกับการกรีดร้องเสียงดัง เป็นต้น แต่มักไม่มีอาการอื่นร่วมด้วยเมื่อได้ถ่ายก็จะหายปวดได้เองค่ะ 

    วิธีการดูแลรักษาและป้องกันอาการท้องผูกในเด็ก ได้แก่ 

    – กลุ่มที่มีความผิดปกติของลำไส้ จำเป็นต้องรับการผ่าตัดเพื่อตัดลำไส้ส่วนที่ผิดปกติทิ้งไปค่ะ

    – กลุ่มที่มีอาการท้องผูกจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร คุณแม่ควรในลูกทานผักผลไม้ที่กากใยอาหารมากขึ้น การดื่มน้ำสะอาดมากๆ หรืออาจให้ดื่มน้ำลูกพรุน มะระกอสุก จะช่วยให้ลูกขับถ่ายขึ้นค่ะ

  • 6 โรคยอดฮิตในเด็กวัยเรียน

    6 โรคยอดฮิตในเด็กวัยเรียน

    สวัสดีค่ะ บทความนี้เราได้รวบรวมโรคฮิตในเด็กวัยเรียนซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องเด็กๆในช่วงวัยนี้ระบบภูมิต้านทานโรคยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ และการอยู่รวมกันของเด็กในสถานที่จำกัด ทำให้เด็กๆมีโอกาศสัมผัสกับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคหลายชนิด ป่วยง่ายหรือในบางรายอาจป่วยเรื้อรังได่ค่ะ ตัวอย่างเช่น

    โรคไข้หวัด
    โรคไข้หวัดธรรมดาเป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่เด็กๆเป็นบ่อยและสามารถเป็นได้ตลอดทั้งปี โรคหวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถนำไปสู่อาการน้ำมูก มีไข้ ไอ จาม และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย โรคไข้หวัดสามารถติดต่อได้ง่ายด้วยการไอ จาม สัมผัสสิ่งของปนเปื้อนเชื้อโรค และการใกล้ชิดผู้ป่วย โรคไข้หวัดสามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ

    โรคมือเท้าปาก
    โรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งทำให้เกิดแผลพุพองที่มือเท้าและปากของเด็ก พร้อมกับการมีไข้ โรคมือเท้าปากสามารถติดต่อได้โดยตรงจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย การไอจามรดกัน น้ำจากตุ่มใสที่เกิดขึ้นบนตัวเด็กๆ รวมถึงการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ ของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำเข้าปาก พบการแพร่ระบาดของโรคในช่างปลายฝนต้นหนาว ในส่วนของการรักษาจะเป็นการตามอาการ เนื่องจากยังไม่มียารักษาเฉพาะโรคค่ะ

    โรคไข้หวัดใหญ่
    โรคไข้หวัดใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับโรคไข้หวัด แต่ไข้หวัดใหญ่จะมีอาการที่เด่นชัดและรุนแรงกว่า มักมีอาการปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยล้าตามร่างกายรวมด้วย สามารถติดต่อกันได้ง่ายทางระบบทางเดินหายใจ พบบ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ส่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังคือ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบได้ ฯลฯ ควรรับพาเด็กพบแพทย์โดยด่วนค่ะ โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป รวมถึงการฝึกให้เด็กๆสวมใส่หน้ากากอนามัย การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลค่ะ

    เยื่อบุตาอักเสบ
    เยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย หรือเกิดจากสารที่ก่อภูมิแพ้ โดยระยะฟักตัวของการติดเชื้ออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของการติดเชื้อ ซึ่งมีผลต่อดวงตาซึ่งจะแสดงอาการ ดังนี้ คันตา น้ำตาไหล เยื่อบุตาสีแดง และอาการอื่นๆจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ เยื่อบุตาอักเสบสามารถติดต่อกันได้ง่าย โดยการสัมผัสสิ่งของปนเปื้อนเชื้อแล้วนำเข้าปาก หรือสัมผัสใบหน้า หรือจากการขยี้ตา เยื่อบุตาอักเสบสามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ

    โรคลำไส้อักเสบ
    โรคลำไส้อักเสบ เกิดจากการติเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต พบจากแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาวซึ่งสาเหตุของการป่วยโรคลำไส้อักเสบนั้น เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า ส่งผลให้เด็กที่ติดเชื้อมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องหรืออาจมีไข้ร่วมด้วย โรคลำไส้อักเสบสามารถติต่อกันได้ง่ายขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เช่น เกิดจากการสัมผัสสิ่งของปนเปื้นเชื้โรค อุจาระ รวมถึงการไอจาม เป็นต้น โรคลำไส้อักเสบโดยทั่วไปอาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายได้เอง แต่สิ่งที่ต้องระวังคือภาวะร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ค่ะ

    โรคหัด
    โรคหัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งสามารถติดต่อได้โดยการไอ จามรด หรือการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายเข้าสู่ร่างกาย การติดเชื้อไวรัสนี้เริ่มต้นด้วยผื่นและไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ไอแห้งตลอดเวล เป็นต้น โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันซึ่งจะฉีดวัคซีนเมื่อตอนอายุ 9 – 12 เดือน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังคือ ภาวะแทรกซ้อนอาจทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ

    ดังนั้น เมื่อลูกเข้าโรงเรียนก็มีความจำเป็นที่เขาจะต้องสอนเด็กๆรักษาสุขอนามัยที่ดี ดูแลสุขภาร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆและพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ