วัคซีนที่ต้องฉีดตามกำหนด มีความจำเป็นและสำคัญเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าฉีดครบก็เป็นเกาะป้องกันสุขภาพร่างกายป็นอย่างดี
[table id=4 /]
วัคซีนที่ต้องฉีดตามกำหนด มีความจำเป็นและสำคัญเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าฉีดครบก็เป็นเกาะป้องกันสุขภาพร่างกายป็นอย่างดี
[table id=4 /]
สวัสดีค่ะ
บทความนี้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในเด็กที่หลายๆคนสงสัยมาฝากค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักกับวัคซีนในเบื้องต้นกันก่อนค่ะ
วัคซีนเป็นวิธีการสำคัญในการป้องกันและลดโอกาสในการพัฒนาความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย การฉีดวัคซีนยังสามารถลดการแพร่กระจายของโรค ดังนั้นการฉัดวัคซีนเปรียบเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับโรคบางชนิด ช่วยในการปกป้องเด็กจากการติดเชื้อที่อาจก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือเสียชีวิตได้ รวมถึงช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อค่ะ ซึ่งปัจจุบันเด็กจะได้รับวัคซีนสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคขั้นพื้นฐานตั้งแต่แรกเกิด เช่น วัคซีนวัณโรค วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน วัคซีนปอลิโอ วัคซีนตับอักเสบบี วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี ฯลฯ ตามช่วงอายุของเด็ก ซึ่งสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านค่ะ ดังนั้นวันนี้เรามีคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนมาฝากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ค่ะ
ถาม : ทำไมถึงต้องการฉีดวัคซีน?
ตอบ : เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กเล็กยังไม่แข็งแรงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายค่ะ การฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยปกป้องลูกน้อยจากโรคต่างๆที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ
ถาม : หากลืมไปฉีดวัคซีนหรือฉีดช้ากว่าตารางนัดควรทำอย่างไร?
ตอบ : คุณแม่สามารถพาลูกไปรับการฉีดวัคซีนย้อนหลังได้ทันทีค่ะ และในกรณีที่ต้องฉีดต่อเนื่องก็สามารถฉีดได้เลยค่ะ โดยไม่ต้องเริ่มเข็มที่หนึ่งใหม่ขอเพียงแต่ต้องฉีดให้ครบตามจำนวนที่กำหนดค่ะ และควรพาลูกไปรับวัคซีนทันทีที่นึกได้ค่ะ และการฉีดวัคซีนช้าไม่ได้ทำให้ระบบภูมิต้านทานต่อโรคของลูกลดน้อยลงค่ะ
ถาม : ฉีดวัคซีนก่อนกำหนดได้ไหมคะ เนื่องจากวันที่หมอนัดไม่ว่างค่ะ?
ตอบ : เนื่องจากวัคซีนแต่ละชนิดได้รับการกำหนดระยะเวลาการฉีด เพื่อให้ได้ผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของลูกน้อยดีที่สุด ดังนั้นคุณแม่ควรพาลูกไปฉีดตามวันนัดค่ะ แต่ถ้าไม่สะดวกจริงๆโดยทั่วไปก็อนุโลมให้ไปฉีดก่อนได้ค่ะ
ถาม : ฉีดวัคซีนมีผลข้างเคียงหรือไม่?
ตอบ : อาการข้างเคียงหลังจากการฉัดวัคซีนพบได้ในเด็กทั่วไปค่ะ ซึ่งอาจแสดงอาการทันทีที่ฉีดหรือหลังจากได้รับวัคซีนนาน 5 – 12 วัน เช่น รอยแดงหรือบวมมีก้อนแข็งบริเวณที่ฉีดวัคซีน มีไข้ หงุดหงิด ร้องไห้งอแง รู้สึกไม่สบายตัว ฯลฯ แต่ถ้าพบว่าลูกมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย ชัก หายใจลำบาก ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ
ถาม : ควรทำอย่างไรถ้าลูกไม่สบายหลังจากฉีดวัคซีน?
ตอบ : เด็กหลายคนหลังการฉีดวัคซีน มักพบอาการไม่สบายตัว บวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ร่วมด้วยค่ะ ซึ่งเป็นอาการปกติค่ะคุณแม่สามารถให้ลูกทานยาลดไข้พาราเซตามอนได้ค่ะ แต่ในบางกรณีที่พบอาการแพ้วัคซีน เช่น อาการชัก หายใจลำบาก อาเจียน ท้องเสีย ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์ทันที ลูกน้อยของคุณอาจมีอาการแพ้วัคซีนชนิดนั้นได้ค่ะ
ถาม : หากลูกเป็นหวัดอยู่ฉีดวัคซีนได้หรือไม่?
ตอบ : กรณีที่ลูกน้อยป่วยเพียงเล็กน้อยสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ค่ะ แต่หากมีไข้หรือมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนหรือให้คุณหมอตรวจสอบอาการของลูกน้อยได้ค่ะ
ถาม : ฉีดวัคซีนหลายชนิดพร้อมกันได้ไหม
ตอบ : เราสามารถฉีดวัคซีนหลายชนิดในครั้งเดียวกันได้ค่ะ ในกรณีที่วัคซีนครบกำหนดการฉีดพร้อมๆกัน โดยให้แยกเข็มและตำแหน่งการฉีดค่ะ ยกเว้นวัคซีนรวมสำเร็จรูปที่ผลิตจากบริษัท เช่น วัคซีนรวมคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก สามารถฉีดในเข็มเดียวได้เลยค่ะ
การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำเพื่อปกป้องสุขภาพของลูกน้อยได้ค่ะ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกน้อยไปรับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดในแต่ละช่วงวัยค่ะ
ลูกมีไข้หลังจากฉีดวัคซีน
เมื่อลูกรู้สึกไม่สบายซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่มักกังวลและพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วยของลูกน้อย เช่นเดียวกับการมีไข้หลังจากการฉีดวัคซีนในทารกเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยค่ะ เรามาดูกันว่าไข้หลังจากฉีดวัคซีนส่งผลกระทบต่อลูกของคุณอย่างไร และควรทำอย่างไรค่ะ
ไข้หลังจากการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กบางคน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีบ่งบอกถึงระบบภูมิคุ้มกันของลูกมีการตอบสนองต่อการฉีดวัคซีน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ได้ต้องกังวลค่ะหากลูกน้อยของคุณมาไข้เล็กน้อยหลังจากการฉีดวัคซีนค่ะ และสาเหตุของการมีไข้หลังจากการฉีดวัคซีนนั้น เกิดจากกระบวนการของการป้องกันโรค โดยวัคซีนเป็นสารก่อภูมิต้านทานที่สร้างจากสาเหตุของการเกิดโรค หรือถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับโรค ดังนั้นหลังฉีดวัคซีนร่างกายของเด็กอาจร้อนขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนบางชนิดซึงเป็นกลไกการป้องกันหรือกำจัดการติดเชื้อค่ะ และจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกมีไข้หลังฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งโดยปกติอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นไข้ในเด็กและไม่ควรมองข้ามค่ะ
การแพ้วัคซีนในเด็กสามารถเกิดขึ้นได้ค่ะแต่พบในปริมาณน้อยมากค่ะ และมักจะแสดงอาการหลังจากฉีดวัคซีน 1 – 2 ชั่วโมง หรือ 1 วันถึงหลายวันหลังจากฉีดวัคซีน โดยจะแสดงอาการดังนี้ อาการบวม คัน ผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ อาเจียน ท้องเสีย ไอ จาม ฯลฯ และในบางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ หากพบอาการดังกล่าวควรรีบพาพบแพทย์ทันทีค่ะ
การดูแลลูกน้อยหลังฉีดวัคซีน ถึงแม้ว่าการมีไข้หลังจากฉีดวัคซีนในเด็กบางคนเป็นเรื่องปกติแต่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ลูกน้อยสบายตัวและลดความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นเคล็ดลับการดูแลลูกน้อยหลังฉีดวัคซีนจะเป็นเช่นเดียวกับการดูแลเมื่อลูกมีไข้หรือเจ็บป่วยทั่วไป เช่น การใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวลูกน้อยเพื่อระบายความร้อน สวมใส่เสื้อผ้าสบายตัว หรือหากไข้ไม่ลดสามารถให้ลูกทานยาลดไข้ได้ปกติตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ หากพบอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีนให้คุณแม่นำผ้าชุบด้วยน้ำอุ่นประคบบริเวณนั้นเพื่อลดอาการบวมแดง เป็นต้น
นอกจากนี้หากพบอาการผิดปกติ เช่น ลูกอ่อนเพลียมาก ปวดท้องแขนขาและหู ไข้สูงพร้อมกับอาการอาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย มีไข้นานเกิน 3 วันหรือแย่ลงเรื่อยๆ หรือมีข้อสงสัยควรรีบพาลูกน้อยพบแพทย์ทันทีค่ะ
การฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก
การฉีดวัคซีนสำหรับเด็กควรฉีดวัคซีนใดบ้าง ค่าใช้จ่ายวัคซีนแต่ละชนิด และถ้าหากได้รับวัคซีนไม่ตรงตามที่กำหนดจะเกิดผลอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับเด็ก 14 วัคซีนสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัยค่ะ โดยปกติแล้ววัคซีนสามารถแบ่งเป็น 2 แบบค่ะ คือ วัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนจำเป็น และวัคซีนเสริมหรือวัคซีนทางเลือก
วัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนจำเป็น วัคซีนในกลุ่มนี้เด็กทุกคนต้องได้รับวัคซีนตามโปรแกรมที่กำหนดค่ะ ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนหากเป็นโรงพยาบาลรัฐจะไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายขอวัคซีนแต่ละชนิดเป็นไปตามรายละเอียดของโรงพยาบาลค่ะ ซึ่งราคาของวัคซีนแต่ละประเภท แต่ละชนิดจะแตกต่างกันและการให้บริการของแต่ละโรงพยาบาลค่ะ
การฉีดวัคซีนกลุ่มพื้นฐานของเด็กในวัยต่างๆ ดังนี้
เด็กแรกเกิด
– วัคซีนป้องกันวัณโรค โดยฉีดในชั้นผิวหนังที่ไหล่ซ้าย ฉีดเมื่อตอนแรกเกิด จำนวน 1 ครั้งค่ะ
– วัคซีนตับอักเสบบี(HB1) เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่แรกเกิด เพราะการติดเชื้อในวัยเด็กจะทำให้เด็กที่ติดเชื้อเป็นพาหะของโรคนี้ได้สูงค่ะ โดยต้องฉีดวัคซีนตัวนี้ให้เร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
เด็กอายุ 1 เดือน
– วัคซีนตับอักเสบบี (HB2) เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
เด็กอายุ 2 เดือน
– วัคซีน DTP-HB1 ป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี
– วัคซีน OPV1 ป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทาน โดยใช้หยอดข้างปาก
เด็กอายุ 4 เดือน
– วัคซีน DTP-HB2 วัคซีนรวมเพื่อป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี
– วัคซีน IPV1 ป้องกันโรคโปลิโอ โดยต้องให้แบบฉีด 1 เข็ม
– วัคซีน OPV2 ป้องกันโรคโปลิโอ แบบรับประทาน 1 ครั้ง
เด็กอายุ 6 เดือน
– วัคซีน OPV3 ป้องกันโรคโปลิโอ แบบรับประทาน 1 ครั้ง
– วัคซีน DTP-HB3 รวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี
เด็กอายุ 9 เดือน
– วัคซีน MMR1 รวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ซึ่งถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีนตามกำหนด จะต้องรีบฉีดโดยเร็วที่สุด
เด็กอายุ 1 ปี
– วัคซีน LAJE1 ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ชนิดเชื้อเป็นแบบอ่อนฤทธิ์
เด็กอายุ 1 ปี 6 เดือน
– วัคซีน DTP4 รวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน
– วัคซีน OPV4 ป้องกันโรคโปลิโอ แบบรับประทาน 1 ครั้ง
เด็กอายุ 2 ปี 6 เดือน
– วัคซีน LAJE2 ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ชนิดเชื้อเป็นแบบอ่อนฤทธิ์
– วัคซีน MMR2 วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
เด็กอายุ 4 ปี
– วัคซีน DTP5 รวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน
– วัคซีน OPV5 ป้องกันโรคโปลิโอ แบบรับประทาน 1 ครั้ง
เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 1
– วัคซีน MMR รวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
– วันซีน dT ป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก
– วัคซีน HB ป้องกันโรคตับอักเสบบี
– วัคซีน IPV ป้องกันโรคโปลิโอ โดยต้องให้แบบฉีด 1 เข็ม
– วัคซีน BCG ป้องกันโรควัณโรค
– วัคซีน OPVป้องกันโรคโปลิโอ ชนิดรับประทาน 1 ครั้ง
– วัคซีน LAJE ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ชนิดเชื้อเป็นแบบอ่อนฤทธิ์
เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 5
– วัคซีนHPV1 และ HPV2 ป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV
เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 6
– วัคซีน dT ป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก
วัคซีนเสริมหรือวัคซีนทางเลือกวัคซีนกลุ่มนี้เป็นวัคซีนกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องฉีดก็ได้ค่ะ แต่ถ้าฉีดจะช่วยป้องกันการเกิดโรคนั้นได้ค่ะ ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนกลุ่มนี้จะเป็นไปตามรายละเอียดของโรงพยาบาลกำหนดค่ะ ซึ่งราคาของวัคซีนแต่ละประเภท แต่ละชนิดจะแตกต่างกันตามการให้บริการของแต่ละโรงพยาบาลค่ะ วัคซีนเสริมหรือวัคซีนทางเลือก ได้แก่
วัคซีนไข้เลือดออก
วัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ ฉีดจำนวน 3 เข็มห่างกัน 0 เดือน, 6 เดือนและ 1 เดือน และเป็นวัคซีนที่ฉีดเมื่อเคยเป็นไข้เลือดออกเท่านั้น
วัคซีนไข้หวัดใหญ่
วัคซีนกลุ่มทางเลือกที่เด็กไทยจำเป็นต้องได้รับ และแนะนำสำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นบ่อยค่ะ โดยในช่วงแรกจะฉีดเมื่ออายุ 6 เดือนถึง 2 ปี จำนวน 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้นฉีดปีละครั้งค่ะ
วัคซีนตับอักเสบเอ
วัคซีนที่ช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดเอที่ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรคนี้ มีอยู่ 2 ชนิด คือ เชื้อไม่มีชีวิต ฉีดจำนวน 2 เข็ม เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไปโดยฉีดห่างกัน 6 – 12 เดือน และเชื้อมีชีวิต ฉีดจำนวน 1 เข็ม อายุ 18 เดือนขึ้นไปค่ะ
วัคซีนอีสุกอีใส (VZV)
วัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคอีสุกอีใสซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้เกิดผื่นผุพองเป็นตุ่มน้ำใสที่ผิวหนัง ฉีดจำนวน 2 เข็ม เมื่ออายุ 12 – 18 เดือนและ 2 ปี 5 เดือน – 4 ปี
วัคซีนฮิบ
วัคซีนที่ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ชนิดบี (Haemophilus influenzae Type B : Hib) ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อได้โดยผ่านละลองอากาศ เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไขสันหลังอักเสบในเด็ก มีความรุนแรงมากโดยเฉพาะในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ฉีดจำนวน 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน, 4 เดือนและ 6 เดือนค่ะ
วัคซีนเอชพีวี
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยฉีดเมื่ออายุ 11 – 12 ปี จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 6 – 12 เดือนและจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อได้รับการฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
วัคซีนโรตา
วัคซีนกลุ่มทางเลือก เชื้อไวรัสโรตา (Rotavirus) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอุจจาระร่วง ท้องร่วง หรือท้องเสียในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งวัคซีนโรตาเป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านทานโรค โดยวัคซีนนี้เป็นวัคซีนแบบหยอด มีชนิด 2 ชนิดคือ Live attenuated human ฉีดจำนวน 2 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน, 4 เดือนและ Bovine-human reassortant ฉีดจำนวน 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน, 4 เดือน และ 6 เดือนค่ะ
วัคซีนนิวโมคอคคัส
ชนิดคอนจูเกตหรือวัคซีนไอพีดี (IPD)
วัคซีนกลุ่มทางเลือก เชื้อนิวโมคอคคัสเป็นตัวการหลักในการก่อให้เกิดโรคติดเชื้อไอพีดี ที่มีอาการรุนแรง คือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบและปอดอักเสบ ซึ่งเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ดังนั้นจึงมีการให้วัคซีนนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต เพื่อเป็นการป้องกันโรคแก่เด็ก ฉีดจำนวน 4 เข็ม เมื่ออายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 6 เดือนและ 12 – 18 เดือนค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกรับวัคซีนพื้นฐานให้ครบตามกำหนดค่ะ และการรับวัคซีนเสริมเพื่อป้องกันลูกน้อย เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอค่ะ เพื่อสุขภาพลูกน้อยของคุณ