Tag: ลูกท้องอืด

  • มหาหิงค์ ยาแก้ลูกท้องอืด ที่นิยมใช้

    มหาหิงค์ ยาแก้ลูกท้องอืด ที่นิยมใช้

    “มหาหิงค์” เป็นยางที่ได้จากต้นไม้ ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ferula assafoetida L. เป็นพืชในวงศ์เดียวกับผักชี ผักชีลาว มีต้นกำเนิดในประเทศแถบเอเชียกลาง และถูกส่งออกไปขายทั่วโลก ส่วนที่นิยมนำมาใช้เป็นยา หรืออาหารคือส่วนของลำต้นใต้ดิน โดยสีเหลืองอมน้ำตาล และมีกลิ่นฉุน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ลักษณะของมหาหิงคุ์

    เป็นชันน้ำมันประเภทโอลีโอกัมเรซินจากรากและลำต้นใต้ดินของพืชในสกุล Ferula หลายชนิด ซึ่งเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลงหัว ขึ้นในที่แล้ง ในทะเลทราย มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลาง (ประเทศอิรัก อิหร่าน และอัพกานิสถาน) และภาคตะวันตกของประเทศจีน ลำต้นเล็กเรียว สีเขียวเกลี้ยง
    ใบเป็นฝอยใบไม่ดก ดอกสีเหลืองอ่อน ดอกช่อคล้ายดอกผักชี  เมื่อออกดอกแล้ว มักสลัดใบ รากและเหง้ากลมยาวเรียว สีน้ำตาล เนื้อในสีขาวจะให้ยางเมื่ออายุได้ประมาณห้าปียางจากรากเรียกว่า มหาหิงคุ์  คำว่า หิงคุ์(Hingu) เป็นภาษาสันสกฤต โบราณไทยเติมคำว่า มหา เข้าไป เรียกเป็นมหาหิงคุ์
    มหาหิงค์ มีลักษณะเป็นก้อนสีเหลือง แดงและเหนียว มียางสีขาวฝังตัวอยู่ด้วยเป็นแห่งๆ มีกลิ่นเหม็นทนนาน  มีรสเผ็ดร้อนและเบื่อ ซึ่งเมื่อเวลาลูกน้อยของเราเกิดอาการปวดท้องหรือท้องอืดขึ้นมา สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจะต้องคิดถึงนั้นก็คือ “มหาหิงค์” ซึ่งมีสรรพคุณมากมายในการช่วยบรรเทาอาการ “ระงับอาการปวดท้อง”“แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ”“บำรุงธาตุในร่างกาย”“ขับเสมหะ”“ช่วยย่อยอาหาร” ให้กับลูกน้อยเราได้เป็นอย่างดี เรามักจะนิยมนำ“มหาหิงค์” มาทาที่ท้อง หรือ ฝ่ามือและฝ่าเท้าของลูกน้อยเรา พอทาไปสักพักลูกน้อยของเราก็จะผายลมออกมาทำให้ลูกน้อยของเราไม่ “ปวดท้อง”และ “ลดอาการท้องอืด” ได้ และ“มหาหิงค์”ยังมีสรรพคุณอีกมากมายเช่น ใช้ทาภายนอกเพื่อรักษากลาก แก้แมลงกัดต่อย แก้ปวด แก้บวม กลิ่นของมหาหิงคุ์ ยังใช้ในการรักษาโรคหวัด และบรรเทาอาการไอได้ด้วย

    ข้อควรรู้ก่อนการใช้มหาหิงค์

    • อย่าทาน หรือผสมน้ำทาน เพราะมหาหิงค์มีแอลกอฮอล์ ไม่ดีต่อร่างกายของเด็กเล็ก
    • อย่าให้มหาหิงค์เข้าตา บริเวณเนื้อเยื่ออ่อน แผล หรือรอยถลอกของเด็ก
    • หมั่นดูวันหมดอายุที่ข้างบรรจุภัณฑ์ก่อนใช้เสมอ
    • เก็บไว้ให้ไกลมือเด็ก และอย่าวางรวมกับยาทั่วไป
    • ทามหาหิงคุ์ให้ห้องที่อากาศถ่ายเทดี

    คำแนะนำเมื่อใช้มหาหิงค์ในเด็ก

    • มหาหิงคุ์ ควรทาในที่โล่ง อากาศโปร่ง ถ่ายเทสะดวก
    • หลังจากทามหาหิงคุ์ที่ท้องแล้ว หากใช้ผ้าอ้อมห่อบริเวณท้องเด็ก จะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น
    • ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก และไม่ควรเก็บรวมกับยารับประทานตัวอื่น ๆ
    • ตรวจดูวันหมดอายุของยาทุกครั้ง ก่อนนำมาใช้

    วิธีการใช้มหาหิงค์

    • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัดเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่กำลังรับประทานยารักษาโรคอื่น ๆ และผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการผ่าตัด
    • ควรทายาทิงเจอร์มหาหิงคุ์เฉพาะบริเวณหน้าท้อง และทายาในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกให้แอลกอฮอล์ระเหยออกไปได้ง่ายเพื่อไม่ให้เด็กสูดดมยา โดยอาจใช้ผ้าห่อบริเวณท้องของเด็กให้อุ่นหลังจากทายาเพื่อเสริมการออกฤทธิ์ยา
    • ควรปิดขวดยาให้มิดชิดเป็นระเบียบที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส โดยให้ยาพ้นจากมือเด็กและห่างจากแสงแดด และหมั่นตรวจดูวันหมดอายุของยา เพราะยาอาจเสื่อมสภาพและออกฤทธิ์ได้ไม่ดี

    ผลข้างเคียงจากการใช้มหาหิงค์

    มักไม่พบผลข้างเคียงจากการใช้ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์ อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาที่มีส่วนผสมของมหาหิงคุ์อาจทำให้ปวดหัว ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ท้องเสีย ชัก และเลือดไหลไม่หยุดได้ แม้มีโอกาสพบได้น้อยมาก แต่ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากมีอาการรุนแรงหรืออาการที่เกิดขึ้นไม่หายไป

    เมื่อลูกน้อยของเราท้องอืด “มหาหิงค์” จึงเป็นท้องเลือกที่ดีได้อีกทางในการช่วยบรรเทาอาการท้องอืดของลูกน้อยเรา

    บทความที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ ลูกท้องอืด

  • 5 อาหารที่ทำให้ลูกท้องอืด หากให้ลูกกินมากไป

    5 อาหารที่ทำให้ลูกท้องอืด หากให้ลูกกินมากไป

    อาการลูกท้องอืด อาจจะเป็นอาการที่ไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ก็เป็นการทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว จนร้องไห้งอแง ได้ อาการท้องอืดสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ (คลิ๊กเพื่ออ่านลูกท้องอืดบ่อย รับมืออย่างไร) ส่วนใหญ่มาจากอาหารที่แม่หรือลูกกินเข้าไป ในครั้งนี้ มารู้กันว่า 6 อาหารที่ทำให้ลูกท้องอืด หากแม่หรือลูก กินมากจนเกินไป มีดังนี้

    ธัญพืช

    อาจสงสัยว่าทำไมธัญพืช ไม่ควรกินมากจนเกิดมันมีประโยชน์ไม่ใช่หรือ ? เพราะธัญพืช ถึงแม้จะอุดมไปด้วย วิตามิน และแร่ธาตุที่ดี แต่ในธัญพืชก็มีส่วนประกอบของกลูเตน ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร หากกินมาจนเกินไป

    (กลูเตน คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ที่มีหน้าที่ลักษณะคล้ายกาว เชื่อมส่วนของอาหาร พบมากใน ข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ วิกิพีเดีย)  

    แตงโม

    ความหวานของแตงโม เป็นไปไม่ได้ที่จะเด็กจะไม่ถูกใจ แต่ความหวานของแตงโมก็อาจทำให้เด็กเกิดอาการท้องอืด ได้ เนื่องจากน้ำตาลฟรักโกสจะมีมากในแตงโม และเมื่อมีมาก อาจทำให้ร่างกายดูซึมน้ำตาลฟรักโกสไปใช้ไม่หมด ส่งผลทำให้ท้องอืด

    (ฟรักโกส คือ น้ำตาล จำพวกโมโนแซ็กคาไรด์ เป็น1 ใน 3  น้ำตาลสำคัญในเลือด และเป็นน้ำตาลที่สำคัญที่สุด จะพบได้มากใน น้ำผึ้งและผลไม้ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ วิกิพีเดีย))

    ผักในกลุ่มกะหล่ำ

    ผักในตระกูลนี้ จะมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต ซึ่งการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรต มีเพียงแบคทีเรียในลำไส้เท่านั้นที่จะทำหน้าที่ย่อยสลาย และกว่าจะย่อยสลายก็ใช้เวลานาน ระหว่างนั้น ก็ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารขึ้นมา และถ้าหากกินมากจนเกินไป ดังนั้น คุณแม่ ต้องคอยระวัง ไม่ควรให้ลูกกินผักตระกูลนี้มากเกินไป

    ผักตระกูลหอม

    ผักตระกูลนี้ จะมีคาร์โบไฮเครตชนิดหนึ่ง ที่ลำไส้จะดูดซึมไปใช้ได้น้อย คือ ต้นหอม หัวหอมแดง หอมหัวใหญ่ และเมื่อลำไส้ดูดซึมไปใช้น้อย ทำให้ตกค้างและหลงเหลือกลายเป็นแก๊ซในกระเพราะอาหาร ทำให้ท้องอืด

    ถั่ว

    เนื่องจากถั่วจะมีเส้นใย ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และไม่ถูกดูดซืมได้จากลำไส้เล็ก ทำให้ตกค้างและเกิดแก๊ส ทำให้เกิดอาการท้องอืด ค่ะ

    แนะนำวิธีไม่ให้ลูกท้องอืดในเวลาที่ลูกกินนม

    • เวลาลูกกินนมแม่ให้ยกหัวลูกให้สูงกว่าร่างกาย เพื่อน้ำนมที่ลูกกินเข้าไปไหลสู่ร่างกายได้ง่าย
    • เมื่อหลังการให้นม คุณแม่ควรไล่ลมให้แม่ ให้ลูกเรอ ออกมา เพื่อระบายลมในท้องของลูก
    • ถ้าลูกกินนมขวด ให้เช็คขวดนมก่อนว่า จุกนมมีขนาดเล็ก หรือใหญ่เกินไปหรือไม่ เพราะหากเล็กไปก็อาจทำให้ลมเข้าท้องมาก เนื่องจากลูกอาจดูดแรง แต่ถ้าใหญ่เกินไปก็อาจทำให้ลูกสำลัก

    บทความเกี่ยวกับ ลูกท้องอืด

  • ลูกท้องอืดบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร

    ลูกท้องอืดบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร

    ท้องอืดในเด็กเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในช่วงปีแรกค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่อันตรายร้ายแรงค่ะ แต่สำหรับหลายๆครอบครัวอาจกังวลใจเกี่ยวกับอาการท้องอืดของลูกน้อยโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ ซึ่งมักจะมีคำถามมาเสมอว่า ลูกท้องอืดบ่อยๆเกิดจากอะไรคะ และมีวิธีรักษาอย่างไร วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ

    สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืดในเด็ก

    อาการท้องอืด แน่นท้อง ไม่สบายตัว เกิดจากมีแก๊สในกระเพาะอาหารซึ่งเกิดจากอากาศที่ถูกกลืนเข้าไปทางปากหรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยแบคทีเรียภายในทางเดินอาหารค่ะ มักมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

    • ไม่เรอหลังจากกินนม
    • การกลืนอากาศมากเกินไป ซึ่งมักเกิดจากท่ากินนมที่ไม่ถูกต้อง การดูดนมเร็วเกินไป การดูดขวดนมเปล่า ช่องว่างที่ทำให้กลืนอากาศเข้าไปด้วยค่ะ
    • ในเด็กที่กินนมผงอาจเกิดจากการผสมหรือการเขย่าขวดที่แรงเกินไปทำให้มีฟองอากาศได้ค่ะ รวมถึงการการดูดจุกหลอก
    • กรณีที่ลูกดูดนมแม่มักมีสาเหตุมาจากาการับประทานอาหารบางชนิดของแม่ เช่น ชากาแฟ โกโก้ อาหารรสจัด กะหล่ำปลี เป็นต้น
    • กรณีที่ลูกรับประทานอาหารเสริมอื่นๆหลากหลายมากขึ้น แบคทีเรียในลำไส้จะผลิตก๊าซส่วนเกินเมื่อย่อยอาหาร รวมถึงการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
    • ร้องไห้มากเกินไป ทำให้สูดอากาศเข้าไปสะสมอยู่ในกระเพาะอาหารและทำให้เกิดก๊าซค่ะ
    • ท้องผูก เมื่อลูกขับถ่ายไม่ปกติทำให้เกิดการสะสมของแก๊สในกระเพาะค่ะ

    อาการท้องอืดในเด็กโดยทั่วมักมีอาการต่างๆคือ ไม่สบายตัว ร้องไห้งอแง เป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงอาการไม่สบายตัวหรือเกิดความผิดปกติขึ้นค่ะ ท้องป่อง หรือท้องแข็งเหมือนมีลมอยู่ในท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดหลังจากกินนมหรือรับประทานอาหารเข้าไปค่ะ

    เคล็ดลับการบรรเทาอาการท้องอืดในเด็ก

    การรักษาอาการท้องอืดในเด็กแบบธรรมชาติไม่ต้องใช้ยา เคล็ดลับง่ายๆที่คุณสามารถทำให้ลูกของคุณค่ะได้ ดังนี้

    • เรอทุกครั้งหลังกินนม หรือระหว่างการกินนม เพื่อลดการสะสมของก๊าซในทางเดินอาหาร โดยการอุ้มพาดบ่าหรืออุ้มลูกในท่านั่งประคองศีรษะของลูกไว้ค่ะ ค่อยลูบหลังลูกเบาๆจากล่างขึ้นบนหรือตบหลังเบาๆค่ะ อาจมีการสำรอกของเหลวออกมาเล็กน้อยค่ะ
    • การออกกำลังกายง่าย ด้วยการให้ลูกปั่นจักรยานอากาศ  ช่วยให้กระตุ้นลำไส้ให้ลูกขับลมออกมาค่ะ
    • การนวดหน้าท้อง ตามเข็มนาฬิกาเบาๆ รอบๆสะดือจะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของอาหารและก๊าซผ่านทางเดินอาหารค่ะ
    • การให้ลูกกินนมจากเต้า ควรให้ศีรษะของลูกสูงกว่าท้องไม่ควรแบบแนวราบค่ะ หรือในกรณีที่ดูดจากขวดนมให้เอียงขวดเล็กน้อยเพื่อให้อากาศสามารถลอยขึ้นไปด้านบนค่ะ

    ท้องอืดแบบไหนต้องไปพบหมอ

    อาการท้องอืดที่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้และต้องไปพบหมอได้แก่ มีไข้ ท้องอืดแน่น ท้องโต กินไม่ได้กินน้อยลง อาเจียน ไม่ผายลม ท้องเสียและท้องผูกอย่างรุนแรง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากโรคอื่นค่ะ เช่น โรคภูมิแพ้อาหาร กรดไหลย้อน การติดเชื้อในทางเดินอาหาร เป็นต้น

    บทความเกี่ยวกับ ลูกท้องอืด

  • ลูกท้องอืด รับมืออย่างไร

    ลูกท้องอืด รับมืออย่างไร

    ปัญหาท้องอืดในทารกเกิดขึ้นได้บ่อยมากและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด ร้องไห้งอแง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการท้องผูกในเด็ก วิธีการป้องกันและการบรรเทาอาการท้องอืดของลูกน้อยค่ะ

    อาการท้องอืดในเด็กทารกอาจเกิดจากกระบวนการย่อยและการดูดซึมอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้ยังย่อยและดูดซึมอาหารได้ไม่สมบูรณ์เกิดจากการมีแก๊สสะสมในกระเพาะอาหารมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด อึดอัดแน่นท้อง รู้สึกไม่สบายตัวนั่นเอง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

    • การกลืนนมที่มีฟองอากาศหรือลมมากเกินไป มักพบในเด็กที่ดูดนมจากขวดเนื่องจากในขณะนอนการผสมนมผงกับน้ำอาจทำให้เกิดฟองอากาศค่ะ หรือในช่วงที่นมหมดการปล่อยให้ลูกดูดขวดนมเปล่าอาจทำให้เด็กดูดเอาลมเข้าไปด้วยค่ะ
    • การดูดนมช้าหรือเร็วเกินไป ทำให้ไม่สามารถควบคุมการดูดกลืนและการหายใจ ส่งผลให้ลูกน้อยกลืนอากาศเข้าไปมากขึ้นในระหว่างดูดนม และทำให้เกิดแก๊สสะสมในกระเพาะอาหารได้มากเช่นกัน
    • การร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะการร้องไห้มากเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลูกน้อยกลืนอากาศเข้าไปจำนวนมาก 
    • การดูดจุกหลอก แม้ว่าในบางครั้งจุกหลอกอาจจะช่วยให้ลูกน้อยหยุดร้องได้ แต่การดูดจุกหลอกก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ลูกดูดเอาลมเข้าไปในท้องได้ค่ะ
    • แพ้โปรตีนนมวัว เป็นภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติส่งผลให้ลูกเกิดอาการท้องอืดได้ค่ะ
    • การรับประทานอาหารบางประเภทอาจทำให้มีแก๊สสะสมในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ เช่น ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี เป็นต้น

    อาการท้องอืดสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ โดยมักจะแสดงอาการดังนี้ ร้องไห้งอแง ท้องป่องหรือท้องแข็ง ปวดท้องเหมือนมีลมอยู่ในท้อง ดิ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะหลังจากดื่มนมเมื่อเคาะท้องแล้วจะได้ยินเหมือนมีลมอยู่ เป็นต้น

    วิธีบรรเทาอาการท้องอืดให้กับลูกน้อย ในเบื้องต้นคือการกระตุ้นให้ลูกน้อยเรอออกมาระหว่างป้อนนมและหลังป้อนนมเพื่อระบายแก๊สในกระเพาะอาหารค่ะ ทำได้ง่ายๆดังนี้

    วิธีแก้อาการท้องอืด

    การอุ้มพาดบ่าหรืออุ้มลูกในท่านั่งโดยประคองศีรษะของลูกไว้ จากนั้นลูบหลังลูกเบาๆจากล่างขึ้นบนหรือตบหลังเบาๆค่ะ 

    บรรเทาอาการท้องอืด

    การนวดท้องโดยการวางในท่านอนหงายแล้วนวดบริเวณหน้าท้องเบาๆ เริ่มจากด้านขวาไปยังด้านซ้ายประมาณ 2-3 ครั้ง ท่านี้ช่วยให้ระบบหมุนเวียนของลำไส้ดีขึ้นค่ะ

    ลดอาการท้องอืดในเด็ก

    การปั่นปั่นจักรยานอากาศ ให้ลูกน้อยนอนหงายจากนั้นจับขาทั้ง 2 ข้างขยับขึ้นลงสลับกันคล้ายปั่นจักรยาน

    นอกจากนี้สามารถใช้ยาขับลมสำหรับเด็กเพื่อช่วยลดอาการแน่นท้องของลูกน้อยได้ค่ะ แต่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ

    การป้องกันอาการท้องอืดนั้น คุณแม่สารถเริ่มต้นได้จากการให้ลูกทานนมในประมาณที่พอเหมาะ และควรอุ้มลูกในขณะป้อนป้อนนมให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย เพื่อให้น้ำนมไหลลงสู่ท้องได้อย่างดีและป้องกันอากาศไหลผ่านช่องว่างบริเวณจุกนม และหลังจากดูดนมเสร็จควรจับลูกเรอทุกครั้งเพื่อลดลมหรือแก๊สในกระเพาะอาหาร ในกรณีที่ลูกเริ่มประทานอาหารเสริมอื่นๆ คุณแม่ควรให้ลูกทานอาหารที่อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ

    อาการท้องอืดของเด็กๆเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อยในเด็กค่ะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะสามรถดูแลบรรเทาอาการได้เองที่บ้าน หรือหากสงสัยอาการของลูกน้อยคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการดูแลจากแพทย์ได้ค่ะ

    บทความที่เกี่ยวกับลูกท้องอืด

  • แพ้โปรตีนนมวัว

    แพ้โปรตีนนมวัว

    อาการแพ้โปรตีนนมวัว โรคใกล้ตัวลูกน้อยมากกว่าที่คิด คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับการแพ้นมวัวในเด็ก และจะทราบได้อย่างไรว่าลูกน้อยของเราแพ้นมวัวหรือไม่ และมีการวิธีดูแลลูกน้อยอย่างไร วันนี้แอดมินจะพาคุณพ่อคุณแม่มาหาคำตอบกันค่ะ

    แพ้โปรตีนนมวัว คืออะไร

    โรคแพ้โปรตีนนมวัว เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งในกลุ่มแพ้อาหาร ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อโปรตีนของนมวัวผ่านกลไกทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย โรคแพ้โปรตีนนมวัวสามารถเกิดได้กับบุคคลทุกเพศทุกวัยค่ะ แต่มักพบบ่อยในเด็กแรกเกิดถึง 2 ปี เนื่องจากทารกยังคงมีข้อจํากัดของระบบการย่อยและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่สมบูรณ์

    อาการแพ้โปรตีนนมวัว

    อาการแพ้โปรตีนนมวัว

    จะแสดงอาการได้ในหลายระบบของร่างกาย ดังนี้

    • ผิวหนัง จะพบได้ทั้งแบบผื่นลมพิษ ผิวแห้ง แพ้เหงื่อ เป็นผื่นแดงเม็ดเล็กคล้าย เม็ดทรายหยาบๆ บนใบหน้า แขนขา และลำตัว มีอาการคัน ทั้งตัวหรือเป็นบางส่วนของร่างกาย
    • ระบบทางเดินอาหาร พบได้ตั้งแต่อาเจียนบ่อย ท้องผูก ท้องอืด ร้องกวนโคลิคทุกคืน ท้องสียเหรือถ่ายเป็นมูกเลือด ถ่ายเหลวเรื้อรังหรือท้องผูกรุนแรง แม้กระทั่งอาจมีการติดเชื้อทําให้ลําไส้เน่า ลําไส้ทะลุ หากเชื้อแบคทีเรียเล็ดลอดเข้ากระแสเลือดทําให้ติดเชื่อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้ค่ะ
    • ระบบทางเดินหายใจ มีอาการตั้งแต่คัดจมูก คันตา น้ำมูกไหล เลือดกำเดาไหล ไอ มีเสมหะในลำคอหรือหลอดลม จนกระทั่งเป็นปอดอักเสบ หากเกิดการอักเสบบ่อยๆจะทําให้มีขนาดใหญ่ผิดปกติจนเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจได้ค่ะ
    • ระบบอื่นๆ และสามารถเกิดพร้อมกันได้ทุกระบบ นอกจากนี้อาจมีอาการแพ้รุนแรงแสดงออกในระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น อาการช็อกรุนแรง ปากบวม หน้าบวม ตัวเขียว หายใจลําบาก ความดันตก ช๊อคหมดสติ ในบางรายอาจเสียชีวิตได้ค่ะ 

    การรักษาแพ้โปรตีนนมวัว

    การรักษาแพ้โปรตีนนมวัว

    การแพ้นมวัวส่วนใหญ่เกิดในช่วงวัยทารกโดยเฉพาะช่วง 1 ปีแรกค่ะ  และอาการจะดีขึ้นจนหายขาดได้เมื่อเด็กโตขึ้น แต่ก็มีบางส่วนที่มีอาการจนโตค่ะ การแพ้โปรตีนนมวัวสามารถรักษาให้หายได้ค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจและการดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยอย่างใกล้ชิดค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีการรณรงค์ให้ลูกทานนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกน้อย ลดการเกิดโรคภูมิแพ้ต่างๆค่ะ หรือหากสงสัยว่าลูกของคุณมีอาการแพ้โปรตีนนมวัวควรปรึกษาคุณหมอถึงแนวทางการดูแลรักษาและแนะนำสูตรนมที่เหมาะสมกับอาการของลูก เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าจากนมค่ะ

    เราจะทราบได้อย่างไรว่าลูกแพ้นมวัว

    ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ส่งสัยหรือหากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรพาลูกพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคค่ะ เพราะลักษณะของอาการแพ้นมวัวบางอย่างจะมีอาการคล้ายกับโรคที่พบบ่อยในเด็กทั่วไป เช่น ผื่นคัน ท้องเสีย อาเจียน เป็นหวัดบ่อยๆ จึงเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากค่ะ ในการรักษาเบื้องต้นแพทย์จะซักถามประวัติของเด็กเพื่อทำการการตรวจร่างกาย เจาะเลือดหรือทดสอบอาการแพ้ทางผิวหนัง ตามระบบต่างๆที่แสดงอาการภูมิแพ้อื่นๆ เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคหืด เป็นต้น หากอาการที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการทานนมวัว คุณหมอจะแนะนำให้เปลี่ยนนมชนิดที่แพ้ให้ลูกดื่มหรือให้งดดื่มนมวัว ซึ่งไม่เกิน 3 สัปดาห์ อาการเรื้อรังต่างๆ ของลูกจะค่อยๆหายไป และเมื่อให้ลูกดื่มนมวัวใหม่อาการเหล่านั้นก็จะกลับมาจึงให้วินิจฉัยโดยวิธีนี้เป็นหลักค่ะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรงดอาหารของลูกด้วยตนเองโดยไม่มีการปรึกษาแพทย์มาก่อน เพราะอาจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของสมองของลูกได้ค่ะ

    เมื่อลูกแพ้โปรตีนนมวัวควรทำอย่างไร

    การดูแลลูกน้อยที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัว หากพบว่าลูกแพ้โปรตีนนมวัวคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกงดและหลีกเลี่ยงนมวัวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมวัว เช่น เนย ชีส ครีมและครีมปรุงแต่ง ขนมเค้ก ไอศกรีม นมเปรี้ยว เครื่องดื่มผสมนม ฯลฯ กรณที่ลูกทานนมแม่ คุณแม่ควรงดและหลีกเลี่ยงนมวัว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมวัวด้วยนะคะ เลือกนมสูตรพิเศษสำหรับผู้แพ้นมวัวเท่านั้น เช่น นมถั่วเหลือง นมสูตรโปรตีนย่อยอย่างละเอียด นมสูตรกรดอะมิโน หรือนมที่ผลิตจากโปรตีนชนิดอื่น เช่น นมแพะ เป็นต้น และควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด และติดตามการรักษากับคุณหมอเพื่อเฝ้าระวังอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น และคววรเลือกอาหารทดแทนอย่างเหมาะสมเพื่อให้ลูกไม่ขาดอาหารค่ะ

    บทความที่เกี่ยวข้อง