Tag: ประกันเด็ก

  • 8 บริษัทประกัน กับแผนประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ปี 2562

    8 บริษัทประกัน กับแผนประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ปี 2562

    การซื้อประกันสุขภาพให้ลูก ในปัจจุบันนับว่าจำเป็นสำหรับครอบครัวค่ะ เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิต้านทานน้อยเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย และการเจ็บป่วยของลูกน้อยมักตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพราะโรคบางอย่างมีการพัฒนาสายพันธ์และทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะโรคที่พบบ่อยในเด็ก เช่น โรคมือ เท้า ปาก ไวรัสRSV ท้องร่วงจากไวรัสโรต้า โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม เป็นต้น

    ข้อดีการทำประกัน

    ดังนั้น ข้อดีของการทำประกันให้ลูกน้อยคือ สร้างความอุ่นใจในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเมื่อลูกต้องนอนโรงพยาบาล เพราะค่ารักษาที่ค่อนข้างสูงโดยที่คุณไม่ต้องสำรองจ่าย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าแพทย์ ค่าห้อง และอื่นๆ รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสหายป่วยเร็วขึ้น เลือกสถานพยาบาลในการเข้ารักษาได้มากขึ้น เพราะถ้าหากไม่มีประกันสุขภาพคุณอาจลังเลการพาลูกไปหาหมอ หรือให้ลูกทานยาที่มีไปก่อนรอดูอาการ กว่าจะตัดสินใจพาไปหาหมอ ลูกอาจจะป่วยหนักหรือรักษายากขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษานานขึ้นและเสียค่าใช้ง่ายมากขึ้น แต่จะทำประกันสุขภาพให้ลูกที่ไหนดี แลัในบทความนี้เรามีตัวอย่างแผนประกันปี 2562 เพื่อเป็นแนวทางการเลือกที่เหมาะกับคุณและลูกมาฝากค่ะ

    แผนประกัน

    ประกันสุขภาพเด็ก ตัวอย่างแผนประกันปี 2562 

    อลิอันซ์ ประกันภัยประกันอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต

    ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย เด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วันถึง 10 ปี (ต่อได้ถึงอายุ 84 ปี) ค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี ให้ลูกรักของคุณได้รับการรักษาดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่สบายใจ หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย (ซื้อควบคู่กับสัญญาหลักตามกฎเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด)

    – วงเงินความคุ้มครองสูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี เมื่อผู้เอาประกันภัยอายุครบ 11 ปี ขึ้นไป สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพใหม่ และความคุ้มครองปรับเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทต่อปี 

    – ค่าแพทย์ตรวจรักษาประจำวัน 2,000 บาทต่อวัน

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ห้องผู้ป่วยหนัก ICU สูงสุด 6,000 บาทต่อวัน

    – ค่ายากลับบ้าน (ไม่เกิน 7 วัน ต่อการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแต่ละครั้ง) 1,500 บาท

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1373

    *****************

    ประกันเอไอเอ (AIA H&S Extra)

    ประกันสุขภาพเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 5 ปี สร้างหลักประกันให้ลูกเพื่ออนาคตที่ดี

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 6,500 บาทต่อวัน (ห้อง ICU ชดเชยเพิ่มเป็น 2 เท่า)

    – ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 120,000 บาท

    – ค่าแพทย์ตรวจรักษาประจำวัน 1,200 บาท

    – ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆสูงสุด 40,000 บาท

    – ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) 7,000 บาท

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1581

    *****************

    ไทยประกันชีวิต

    ไทยประกันชีวิต

    เพื่อลูกสุดรักแบบประกันที่ให้คุ้มครองรอบด้าน เพื่อลูกสุดรักของคุณ

    – ลูกเจ็บป่วย นอนโรงพยาบาล จากโรคอื่นๆ รับเงินรับเงินชดเชยสูงสุด วันละ 2,000 บาท

    – นอนโรงพยาบาลจาก 5 โรคพบบ่อยในเด็กได้แก่ โรคมือเท้าปาก,โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ, โรคอาหารเป็นพิษ, โรคบาดทะยัก และโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส รับเงินชดเชยสูงสุดวันละ 4,000 บาท

    – อุบัติเหตุเล็กหรือใหญ่ ไม่ต้องสำรองจ่าย รักษาพยาบาลสูงสุดครั้งละ 100,000 บาทต่อครั้ง

    – รับเงินคืนเพื่อเป็นของขวัญให้ลูก ตลอดสัญญาสูงสุดถึง 700,000 บาท

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-201-4557

    *****************

    กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต 

    แบบประกันสุขภาพสำเร็จรูป iKid อายุรับประกันภัย 1 เดือน – 15 ปี ต่อสัญญาได้ถึงอายุ 21 ปี เพื่อก้าวแรกสู่ความสำเร็จของลูกน้อย ให้เจ้าตัวน้อยเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

    – ความคุ้มครองการสูญเสียชีวิต (ทุกกรณี) ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ผู้ขอเอาประกันภัยเลือก (ขั้นต่ำ 1,000,000 บาท)

    – คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในแบบเหมาจ่ายสูงสุดรวมทุกความคุ้มครองไม่เกิน 6,000,000 บาทต่อปี

    – ดูแลรักษาด้วยผลประโยชน์ผู้ป่วยนอก(OPD) 35,000 บาท ต่อปี (และไม่เกินผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี)

    – รับเงินจ่ายคืนประจำปีตั้งแต่สิ้นปีที่ 2 จนครบสัญญา และครบกำหนดสัญญา (อายุครบ 90 ปี) รับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันครบกำหนดสัญญา

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1159

    *****************

    เมืองไทยประกันชีวิต

    เมืองไทยประกันชีวิต

    เมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/20 สร้างหลักประกันเงินล้านให้ครอบครัวได้ง่าย ๆ คุ้มครองชีวิต 100% ยาวไปจนถึงครบอายุ 99 ปี จ่ายเบี้ยเบา ๆ ไม่แพง 

    – อายุรับประกันภัย 30 วัน – 70 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 4,000 บาทต่อวัน

    – ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 90,000 บาท

    – ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปต่อครั้ง สูงสุด 30,000 บาท

    – ค่าแพทย์ตรวจรักษาต่อครั้ง 1,000 บาท

    – ค่าเบี้ยโดยเฉลี่ย ปีละ 21,500 ถึงอายุ 5 ปี หลังจาก 6 ปีขึ้นไปเบี้ยจะลดลง

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1766

    *****************

    ประกันเอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล

    ประกันเอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล (Aetna Health Insurance)

    ประกันแผนโอปอล หมดกังวลกับภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุ ด้วยความคุ้มครองสูง จ่ายเบี้ยประกันแบบเบาๆสบายกระเป๋า

    – อายุรับประกันภัย 15 วัน – 65 ปี

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 4,000 บาทต่อวัน (ห้อง ICU ชดเชยเพิ่มเป็น 2 เท่า)

    – การปลูกถ่ายไขกระดูก การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต (สูงสุดต่อการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยแต่ละครั้ง) สูงสุด 10,000 บาท

    – ความคุ้มครอง กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะสายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (คุ้มครองการขับขี่หรือโดยสารจักรยานยนต์ 50% ของทุนประกันภัย) 100,000 บาท

    – ค่ารถพยาบาล (สูงสุดต่อเที่ยว) 1,000 บาท

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2232 8555

    *****************

    ประกันไทยสมุทรประกันชีวิต

    รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา ไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายเมื่อเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเครือข่าย (ในฐานะผู้ป่วยใน) คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก สบายใจ เคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก

    – อายุรับประกันภัย 1 เดือน 1 วันถึง 64 ปี ต่อสัญญาได้ถึงอายุ 69 ปี สิ้นสุดสัญญาเมื่ออายุครบ 70 ปี

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 5,000 บาทต่อวัน

    – ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ห้องผู้ป่วยหนัก ICU (สูงสุด 10,000 บาทต่อวัน)

    – ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 120,000

    – ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) สูงสุด 10,000 บาท

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2207-8888

    *****************

    เอฟดับบลิวดี เอ็กซ์พีเรียนส์ แฟมิลี่แคร์

    เจ็บป่วยเมื่อไรก็อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับวันนี้ สนุกกับชีวิตได้เต็มที่ทั้งคุณและครอบครัว

    – นอนโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาได้สูงสุด 25,000 บาทต่อครั้ง สูงสุด 50,000 บาทต่อปี

    – เบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอกได้ 1,000 บาทต่อครั้ง สูงสุด 30 ครั้งต่อปี

    – เข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยบัตรเอฟดับบลิวดี แคร์การ์ด ในโรงพยาบาลและคลินิกในเครือข่ายกว่า 380 แห่งทั่วประเทศ

    – รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย 25% เมื่อสมาชิกในครอบครัวซื้อความคุ้มครองพร้อมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1351

    *****************

    ประกัน

    แผนประกันข้างต้นนี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆที่น่าสนใจเท่านั้นค่ะ ซึ่งแต่ละบริษัทยังมีแผนประกันให้เลือกอีกหลายแผนตามความต้องการค่ะ และที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาแผนประกันแต่ละแบบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ เพื่อประโยชน์ของคุณและลูกรัก

    ประกันเด็ก

  • ผู้ป่วยใน และ ผู้ป่วยนอก คืออะไร

    ผู้ป่วยใน และ ผู้ป่วยนอก คืออะไร

    ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เรามักได้ยินกันบ่อยๆแต่หลายๆท่านยังสับสนกับคำว่าผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกคืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกับประกันสุขภาพ วันนี้แอดมินได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาฝากค่ะ ตามมาเลยจ้า…

    ผู้ป่วยใน (IPD)

    ผู้ป่วยในคืออะไร

    ผู้ป่วยใน (IPD : In Patient Department) หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า “IPD” คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาและต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น ป่วยหนักต้องแอดมิดนอนโรงพยาบาล การเข้าผ่าตัด ฯลฯ และให้รวมถึงการรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในแต่เสียชีวิตก่อน 6 ชั่วโมง
    ในส่วนของประกันส่วนใหญ่ก็จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เป็นผู้ป่วยในอยู่แล้วค่ะ ซึ่งจะได้รับจากการคุ้มครองจาการทำประกันประเภทนี้ เช่น ค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงพยาบาล ค่าบริการใช้ห้องผ่าตัด ค่า X-ray ค่าตรวจทางชีวเคมี ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด ค่าปรึกษาแพทย์พิเศษ ค่าสินไหมทดแทนในการรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นต้น
    ทั้งนี้ เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทประกันกำหนด ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆได้จากทางบริษัทประกันหรือตัวแทนขายประกันที่คุณสนใจค่ะ

    ผู้ป่วยนอก (OPD)

    ผู้ป่วยนอกคืออะไร

    ผู้ป่วยนอก (OPD : Out Patient Department) หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า “OPD” คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่คลินิกหรือโรงพยาบาล โดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เช่น ไข้หวัด ฉีดวัคซีน อุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ ฯลฯ หรือการที่เราไปพบแพทย์ รับยา และกลับบ้านโดยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลค่ะ

    โดยส่วนใหญ่ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกนั้น บริษัทประกันหลายๆบริษัทมักมีข้อกำหนดที่ไม่ต่างกันมากนัก คือ อายุเริ่มของผู้เอาประกันภัยตั้งแต่อายุ 6 – 69 ปี ในส่วนของการชำระเบี้ยประกันสามารถเลือกชำระได้ทั้งแบบรายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน และแบบรายเดือนซึ่งเป็นไปตามกรมธรรม์หลักของผู้เอาประกันภัย ซึ่งประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกสามารถซื้อแนบท้ายกรมธรรม์หลักได้ทั้งที่เป็นกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่แล้ว หรือกรมธรรม์ใหม่ได้ค่ะ ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกมักมีการคุ้มครองที่ไม่แตกต่างกันมาก ได้แก่ ค่าใช้จ่ายทั่วไปจากการรักษาพยาบาล ค่ายา ค่าปรึกษา/รักษาแพทย์เฉพาะทาง ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุฉุกเฉิน(อุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง) เป็นต้น
    ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทประกันกำหนด ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆได้จากทางบริษัทประกันหรือตัวแทนขายประกันที่คุณสนใจค่ะ

    ผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) สรุปง่ายๆคือ ถ้าต้องนอนโรงพยาบาลคือผู้ป่วยในนั่นเองค่ะ และมีความแตกต่างกันที่วงเงินการคุ้มครองรวมไปถึงการจ่ายค่าเบี้ยประกันที่แตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันนั้นๆ และในกรมธรรม์ประกันสุขภาพบางฉบับอาจมีการระบุเงื่อนไขข้อตกลงการเบิกค่าสินไหมทดแทนที่แตกต่างกันไป

    ดังนั้น การซื้อประกันควรศึกษารายละเอียดและตรวจสอบเงื่อนไขก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพ เพื่อผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไรเราหรือคนที่รักจะเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ การมีประกันสุขภาพผู้ป่วยใน และการทำประกันสุขภาพเสริมผู้ป่วยนอกก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มักจะเจ็บป่วยได้ง่าย รู้สึกอุ่นใจ หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลค่ะ

  • มีสิทธิรักษาพยาบาล ควรทำประกันเพิ่มหรือไม่

    มีสิทธิรักษาพยาบาล ควรทำประกันเพิ่มหรือไม่

    สวสัดีค่ะ
    จากกระทู้คำถามจากพันทิปที่ว่า ตอนนี้ลูกเราอายุ 1 ปี 5 เดือน มีสิทธิรักษาพยาบาล 30 บาทในโรงพยาบาลที่ดีมากๆแห่งหนึ่ง ควรทำประกันสุขภาพเด็กเพิ่มหรือไม่ครับ และ
    จากคำถามที่คุณแม่ได้ตั้งไว้ก็มีสมาชิกพันทิปหลายๆท่านมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ อิทิเช่น

    ความคิดเห็นจากคุณ teerit กล่าวว่า
    การทำประกันสุขภาพให้ลูกเพิ่มนั้น บอกยากครับ การที่เราจะทำประกันเพิ่มให้กับลูกนั้นต้องดูว่าคุณจริงจังและกังวลมากแค่ไหน สามารถดูแลเองได้ไหม เพราะโรงพยาบาลของรัฐแอดมิทยากกว่าโรงพยาบาลเอกชนครับ ส่วนตัวผมทำประกันแบบเหมาจ่ายไว้ กรณีกลัวลูกป่วยบ่อยๆ ส่วนกรณีที่ป่วยหนักหรือโรคร้ายแรงก็ต้องเข้าโรงพยาบาลรัฐอยู่แล้วครับ เพราะถ้าป่วยหนักขนาดนั้นจริงประกันเหมาจ่ายก็เอาไม่อยู่ครับ ของผลเองป่วยไป 2 ครั้งแบบถ้าไปหาหมอเอกชนได้นอนแน่นอนแต่ก็ดูกันเองครับเหนื่อยหน่อย ไม่จำเป็นไม่อยากให้นอนโรงพยาบาลมันมีข้อเสียและความเสี่ยงอยู่แต่ก็มีพ่อแม่หลายๆคนจะชอบให้นอนเพราะเบิกประกันได้ถึงแม้จริงๆจะไม่จำเป็นก็เถอะ ถ้าไม่มากเกินไปก็พอไหวประกันจ่าย ถ้ามากไปหมอก็จะบอกเลยว่าถ้านอนประกันอาจจะไม่จ่ายครับ ลองถามตัวเองดูนะครับอีกอย่างโรงพยาบาลรัฐบางทีจะได้ห้องรวมเป็นส่วนใหญ่ก็จะเสี่ยงขึ้นไปอีกหน่อยอาจได้โรคเพิ่มง่ายขึ้นครับ
    ถ้าให้แนะนำแบบฟันธงเลยก็ขอบอกว่าทำเถอะครับแต่ต้องตัดใจเงินก้อนนั้นนะ อย่างของผมตัวแทนก็ยังเสียดายบอกไม่อยากให้ทำเหมาจ่ายเพราะเบี้ยแพงให้ทำยูนิตลิงค์ แถมของลูกผมมีสวัสดิการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งลดราคาบางส่วนอยู่แล้วแต่ผมถือว่าเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยงก็ทำแบบเหมาจ่ายไป แต่ตัดใจทิ้งค่าเบี้ยเลยครับที่แนะนำเพราะโรงเรียนสมัยนี้ห้องแอร์ซะมาก มีโอกาสป่วยบ่อยแน่นอนครับ

    ความคิดเห็นจากคุณ แม่ใหญ่สอน กล่าวว่า
    เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี มีโอกาสป่วยง่ายและบ่อยค่ะ ยิ่งถ้าเข้าโรงเรียนแล้วมีโอกาสบ่อยบ่อยขึ้นเพราะอาจติดจากเพื่อนๆ แต่ถ้าคุณแม่มั่นใจว่าโรงพยาบาลตามสิทธิ 30 บาท เขาจะรักษาได้ดีและมีเตียงสำหรับลูกเราตลอด 24 ชม. เผื่อเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินช่วงกลางคืนก็ไม่ต้องทำประกันเพิ่มก็ได้ค่ะ หรือถ้าคุณแม่กังวล หรืออยากมีไว้เพื่อความอุ่นใจไม่ว่าลูกเราเจ็บป่วยขนาดไหน ตอนไหน จะเข้าโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่ เราก็มีเงินจ่ายก็ทำประกันเผื่อไว้เลยคะ ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการรักษาให้เบาลงกรณีที่ต้องจ่ายมากๆค่ะ

    ความคิดเห็นจากคุณ Deathangel กล่าวว่า
    ส่วนตัวเราคิดว่าขึ้นอยู่กับเรารับได้หรือไม่กับสิทธิรักษาพยาล 30 บาทที่ได้รับ เช่น กรณีนอนโรงพยาบาลก็ต้องนอนตามที่สิทธิกำหนด(ห้องรวม) ไม่ใช่ห้องรวมไม่ดีนะครับ (เพราะลูกผมล่าสุดป่วยหนักจึงต้องแอดมิทอยู่ห้องรวม เพื่อให้พยาบาลสามารถดูแลได้ทั่วถึงครับ) และก็มีข้อจำกัด เช่น ให้เฝ้าได้คนเดียวซึ่งก็จะเหนื่อยหน่อยครับตอนกลางคืนต้องเฝ้าคนเดียวดูคนเดียว ถ้าเป็นพิเศษเดี่ยวก็จะอยู่เฝ้าด้วยกันได้ครับ ซึ่งถ้าต้อง admit และไม่มี Criteria ให้ต้องอยู่ห้องรวมผมก็อยากเลือกพิเศษเดี่ยวครับ ผมจึงเลือกทำประกันไว้ด้วยครับ(เผื่อกรณีจำเป็นห้องไม่ว่าง ก็ยังผ่อนหนักผ่อนเบากรณีต้องเข้าเอกชน) โดยทำความคุ้มครองแค่เพียงพอสำหรับโรงพยาบาลรัฐ(ซึ่งต้องยอมรับว่าเตียงหายากมาก และถ้าใกล้หายแล้วมีคนหนักกว่าคอยเตียง หมอจะขอให้ discharge เพื่อให้คนที่ป่วยหนักกว่าได้เตียงครับ)

    ความคิดเห็นจากคุณ smallkid กล่าวว่า
    เราก็มีสิทธิของราชการค่ะ แต่ก็ทำประกันสุขภาพให้ลูกเลือกที่พอจ่ายค่าห้องของโรงพยาบาลที่คาดว่าจะใช้ประจำ เรื่องค่ารักษา โรคที่เด็กๆเป็นกันบ่อยๆ ค่ารักษามักจะไม่สูงค่ะ ที่เน้นให้ดูค่าห้องเพราะปัจจุบันค่าห้องสูงกว่าที่คิดไว้ค่ะ โรงพยาบาลระดับกลางๆค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าพยาบาล คืนหนึ่งต้องมี 4,000 – 5,000 บาท ลูกเราค่ารักษา 40,000 ยังไม่เคยต้องจ่ายเพิ่มค่ะ จะป่วยบ่อยแค่ช่วง 1 – 2 ปีแรกที่เข้าเรียนอนุบาลค่ะ ตอนนี้ 5 ขวบ ไม่ต้องแอดมิทแล้ว ไม่แนะนำประกันพวกเหมาจ่ายค่ะเพราะถ้าเคลมเยอะๆปีต่อไปอาจถูกยกเลิกได้ง่ายๆค่ะ(เราเจอมาแล้ว)

    ความคิดเห็นจากคุณ Jarunya.b กล่าวว่า
    เราว่าควรทำค่ะ เราทำควบในยูนิตลิงต์ให้ลูกเหมือนกันค่ะ เอาแบบตัวท๊อปเลยกัดฟันทำคิดซะว่าเป็นทุนไว้ให้ลูก เพราะบางทีโรคที่ยาแพงๆโรงพยาบาลรัฐกว่าจะอนุมัติยาได้ก็หลายขั้นตอนนะคะ แล้วก็ไม่รู้ว่านโยบายแต่ละแห่งจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนอนาคตลูกจะอยู่ไหนก็ยังไม่รู้ค่ะ

    ความคิดเห็นจากคุณ นายแสงจันทร์ กล่าวว่า
    ถ้าบริหารการเงินได้ระดับหนึ่ง จะทำไว้ก็ไม่เสียหายครับ บางครั้งป่วยแล้วจะมาคิดหากรมธรรม์เพื่อครอบคลุมมันก็ยากนะครับ เพราะบางบริษัทฯอาจไม่คุ้มครองโรคที่เคยป่วยมาแล้วครับ

    ความคิดเห็นจากหมายเลข 4731469 กล่าวว่า
    ลูกผมก็ใช้สิทธิ 30 บาทนะ แต่ก็ทำประกันสุขภาพไว้ด้วยเพราะเด็กป่วยเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ป่วยแล้วไม่อยากให้แอทมิทโรงพยาบาลรัฐ มันจุกจิกไปหน่อยครับ

    ส่วนตัวแอดมิทคิดว่า การทำประกันสุขภาพเด็กเพิ่มนั้นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองหลายๆท่านเรื่องทำให้กับลูกน้อย เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงในเรื่องของลูกภาพให้กับลูกรัก แบ่งเบาเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพราะการเจ็บป่วยของลูกในแต่ละครั้งเราต่างต้องการให้ลูกได้รับการรักษาที่ดีที่สุดค่ะ

    ขอบคุณที่มา pantip.com

  • ประกันสุขภาพเด็กอาคเนย์ประกันชีวิต

    ประกันสุขภาพเด็กอาคเนย์ประกันชีวิต

    สวัสดีค่ะ
    บทความนี้เรานำข้อมูลเกี่ยวกับประกันสำหรับเด็กของบริษัทอาคเนย์ประกันชีวิต แผนประกันสุขภาพเด็กเพื่อลูกรักให้ได้รับความคุ้มครองที่ดีที่สุด สุดคุ้มที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของลูกน้อย มาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสนใจแผนประกันสุขภาพจากค่ายนี้ค่ะ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่พิจารณาเลือกตามความต้องการที่สุดค่ะ โดยแบ่งเป็น 4 แผนหลักๆ ดังนี้

    ประกันสุขภาพเด็ก แผนมาตรฐาน (มีเงินชดเชยรายวัน)

    • คุ้มครองสุขภาพเด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 15 ปี
    • ค่าห้องสูงสุดจำนวน 3,700 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 90 วัน ต่อครั้งต่อโรค
    • เงินชดเชยกรณีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1,000 บาท/วัน
    • คุ้มครองผู้ป่วยนอกจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ขณะเป็นผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุและรักษาต่อเนื่อง
    • คุ้มครองค่าใช้จ่ายส่วนเกินให้อีก 90% ในความคุ้มครองอื่นๆ ยกเว้นค่าห้องค่าอาหาร จะรับผิดชอบให้ตามตารางผลประโยชน์
    • อัตราเบี้ยประกันเพิ่ม-ลดตามอายุของผู้เอาประกัน
    • เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องซื้อพ่วงพ่อแม่
    • ฯลฯ

    หมายเหตุ : ข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขของแผนประกันฯ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ

    ประกันสุขภาพเด็ก สะสมทรัพย์ (เงินคืนระหว่างปี, เงินชดเชยรายวัน)

    • คุ้มครองสุขภาพเด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 15 ปี
    • ค่าห้องสูงสุดจำนวน 3,700 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 90 วัน ต่อครั้งต่อโรค
    • เงินชดเชยรายได้ จากการเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในวันละ 1,000 บาท
    • คุ้มครองผู้ป่วยนอกจากอุบัติเหตุค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน
    • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากอุบัติผู้ป่วยนอกและต่อเนื่อง
    • รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินให้อีก 90% ของค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินในแต่ละผลประโยชน์ และไม่เกินยอดรวมผลประโยชน์สูงสุดต่อครั้ง
    • บเงินคืนต่อเนื่อง 10% ของทุนประกันทุก 3 ปี เริ่มตั้งแต่สิ้นปีที่ 3 จนถึงสิ้นปีที่ 18
    • รับเงินก้อนเป็นทุนการศึกษา สิ้นปีที่ 21 รับเงิน 40% ของทุนประกัน
    • จ่ายคืนทุกปีจนสิ้นสุดสัญญา รับเงินคืน 5% ของทุนประกันตั้งแต่สิ้นปีที่ 22 เป็นต้นไป
    • อัตราเบี้ยประกันเพิ่ม-ลดตามอายุของผู้เอาประกัน
    • เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องซื้อพ่วงพ่อแม่
    • ฯลฯ

    หมายเหตุ : ข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขของแผนประกันฯ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ

    ประกันสุขภาพเด็ก สไมล์คิดส์

    • คุ้มครองสุขภาพเด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 15 ปี
    • ค่าห้องสูงสุดจำนวน 3,700 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 90 วัน ต่อครั้งต่อโรค
    • คุ้มครองผู้ป่วยนอกจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ขณะเป็นผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ
    • รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินให้อีก 90% ของค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินในแต่ละผลประโยชน์ และไม่เกินยอดรวมผลประโยชน์สูงสุด
    • เบี้ยประกันเบาๆ อายุ 0-5 ปี ให้ความคุ้มครองสูงสุดในแผน 3 เบี้ยเพียง 13,3xx บาทเท่านั้น
    • อัตราเบี้ยประกันเพิ่ม-ลดตามอายุของผู้เอาประกัน
    • เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องซื้อพ่วงพ่อแม่
    • ฯลฯ

    หมายเหตุ : ข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขของแผนประกันฯ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ

    ประกันสุขภาพเด็ก แผนเพื่อลูกรัก

    • ค่าห้องสูงสุดจำนวน 7,400 บาทต่อวัน (สูงสุดไม่เกิน 90 วันต่อครั้งต่อโรค)
    • รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินให้อีก 90% ของค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินในแต่ละผลประโยชน์ และไม่เกินยอดรวมผลประโยชน์สูงสุด
    • คุ้มครองผู้ป่วยนอกจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ขณะเป็นผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ
    • เงินชดเชยรายได้จากการเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในวันละ 1,000 บาท
    • อัตราเบี้ยประกันเพิ่ม-ลดตามอายุของผู้เอาประกัน
    • เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องซื้อพ่วงพ่อแม่
    • ฯลฯ

    หมายเหตุ : ข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขของแผนประกันฯ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ

    ขอบคุณข้อมูลจากบริษัทอาคเนย์ประกันชีวิตค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาประกันให้กับลูกรักนะคะ

  • ประกันการเดินทางเมื่อต้องเดินทางกับเด็ก

    ประกันการเดินทางเมื่อต้องเดินทางกับเด็ก

    ประกันการเดินทางเมื่อต้องเดินทางกับเด็ก
    สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านที่กำลังวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อย่าลืมมองหาประกันการเดินทางสำหรับครอบครัวไว้บ้างนะคะ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางค่ะ แต่เอ๊ะ….สงสัยใช่มั้ยค่ะว่า ประกันการเดินทางคืออะไร และทำไมต้องซื้อประกันการเดินทางด้วยล่ะ จะเป็นการสิ้นเปลืองหรือเปล่า วันนี้แอดมินจะพามาหาคำตอบกันค่ะ

    ประกันภัยการเดินทาง คือ การประกันส่วนบุคคลระยะสั้นแบบทำแล้วทิ้งค่ะ คุ้มครองแค่ช่วงระยะเวลาที่ไปเที่ยวค่ะ เช่น ไปเที่ยวจำนวน 10 วันก็จ่ายเบี้ยประกันแค่ 10 วันค่ะ เบี้ยประกันราคาไม่แพงส่วนใหญ่จะราคาอยู่ที่หลักร้อยเท่านั้นเองค่ะ ในส่วนของการคุ้มครองของประกันการเดินทาง ได้แก่ สุขภาพ คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ อุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย กรณีฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือการเคลื่อนย้ายกลับประเทศไทย คุ้มครองเกี่ยวกับการเดินทาง กรณียกเลิกการเดินทางหรือพลาดการต่อไฟลท์เดินทาง คุ้มครองเกี่ยวกับกระเป๋าสัมภาระล่าช้าหรือเสียหาย ทรัพย์สินเสียหาย หรือสูญหายจากการถูกชิงทรัพย์(รายละเอียดเป็นไปตามแผนประกันฯ) และในการขอวีซ่าบางประเทศผู้ยื่นขอจะต้องมีประกันการเดินทางและต้องเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองว่าเชื่อถือได้ค่ะ

    ประกันการเดินทาง

    ตัวอย่างประกันภัยการเดินทาง(TA)จากสินมั่นคง
    ประกันภัยการเดินทาง คุ้มครองอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ในระหว่างการเดินทาง เสียชีวิต, สูญเสียอวัยวะ (อ.บ.1), ค่ารักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุ, การถูกฆาตกรรมและการลอบทำร้าย

    เงื่อนไขการรับประกัน
    – มีอายุระหว่าง 1 – 65 ปี เท่านั้น
    – คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 60 วัน / เที่ยว

    การประกันภัยนี้ให้การคุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากความบาดเจ็บจากปัจจัยนอกร่างกายของผู้เอาประกันภัยโดยอุบัติเหตุและทำให้เกิดผลดังต่อไปนี้

    1. การเสียชีวิตหรือการสูญเสียมือ เท้าและสายตา
    ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตหรือสูญเสียมือ เท้าและสายตา ภายใน 180 วัน นับแต่วันเกิดอุบัติเหตุก็ดี หรือความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรักษาตัวติดต่อกันในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลหรือคลินิก และเสียชีวิตหรือสูญเสียมือ เท้าและสายตา เพราะเหตุบาดเจ็บนั้นก็ดี บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนให้ ดังรายการต่อไปนี้

    • การเสียชีวิต 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • การสูญเสียมือสองข้าง หรือเท้าสองข้าง หรือสายตาสองข้าง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • การสูญเสียมือหนึ่งข้างและเท้าหนึ่งข้าง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • การสูญเสียมือหนึ่งข้างและสายตาหนึ่งข้าง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • การสูญเสียเท้าหนึ่งข้างและสายตาหนึ่งข้าง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • การสูญเสียมือหนึ่งข้าง หรือเท้าหนึ่งข้าง หรือสายตาหนึ่งข้าง 50% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

    หมายเหตุ :
    – การสูญเสียมือหรือเท้า หมายถึง การถูกตัดออกตั้งแต่ข้อมือหรือข้อเท้าหรือสูญเสียสมรรถภาพ ในการใช้งาน ของอวัยวะนั้นโดยสิ้นเชิงถาวร
    – การสูญเสียสายตา หมายถึง ตาบอดสนิท และไม่มีทางรักษาให้หายได้ตลอดไปบริษัทจะจ่ายค่าทดแทนตามข้อนี้ เพียงรายการที่สูงสุดรายการเดียวเท่านั้น

    2. การรักษาพยาบาล
    ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องมีการรักษาโดยแพทย์หรือศัลยแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ตามกฎหมาย หรือต้องรักษาในโรงพยาบาลหรือต้องจ้างพยาบาลที่มีใบอนุญาตเพื่อให้การพยาบาล บริษัทจะชดใช้ค่าใช่จ่ายที่ผู้เอาประกันภัยได้ใช้จ่ายไปจริงซึ่งเกิดขึ้นภายใน 52 สัปดาห์ นับแต่วันเกิดอุบัติเหตุสำหรับค่ารักษาพยาบาล ค่าโรงพยาบาล และค่าพยาบาล แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่ระบุไว้ในตาราง
    หมายเหตุ :
    – ขยายความคุ้มครองการถูกฆาตกรรมและลอบทำร้ายร่างกาย
    – เงื่อนไขและข้อยกเว้นให้ถือตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทาง

    สรุปข้อดีของการซื้อประกันการเดินทาง
    – ลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กร่วมเดินทางด้วย หากเกิดการเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น หมดกังวลเรื่องการรักษาแม้ในต่างประเทศ
    – บริการสำหรับกรณีฉุกเฉิน ประกันการเดินทางมักจะมีบริการ call center 24 ชม. ค่ะ
    – ประกันการเดินทางยังครอบคลุมไปถึงความเสี่ยงอื่นๆที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางรวมถึงสัมภาระ เช่น คุ้มครองเกี่ยวกับกระเป๋าสัมภาระล่าช้าหรือเสียหาย เป็นต้น
    – เบี้ยประกันถูกมากสำหรับการเดินทางระยะสั้นค่ะ เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่จะได้รับค่ะ

    ดังนั้น เดินทางท่องเที่ยวอุ่นใจตลอดทิปอย่าลืมมองหาประกันภัยการเดินทางด้วยนะคะ

  • ประกันเด็กยอดนิยม

    ประกันเด็กยอดนิยม

    ทำประกันสุขภาพให้ลูกบริษัทไหนดี? คำถามยอดนิยมจากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาประกันสุขภาพให้กับลูกน้อย เนื่องจากเด็กมีแนวโน้นที่จะเจ็บป่วยและบาดเจ็บได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ด้วยในเด็กเล็กมีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำและการเจ็บป่วยของเด็กเล็กมักตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงโดยเฉพาะในบางโรคที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะทำประกันสุขภาพให้กับลูกค่ะ วันนี้เราจึงได้นำตัวอย่างความคิดเห็นจากคุณพ่อคุณแม่ชาวพันทิป เกี่ยวกับการเลือกประกันสุขภาพให้ลูกน้อยและส่วนใหญ่จะเลือกใช้ประกันสุขภาพของบริษัทไหนบ้าง ตามมาดูได้เลยจ้า….

    ความคิดเห็นจาก คุณเพชรแพรวา

    ประกันเด็กพันทิป

    คุณแพรวแพรวาเลือกทำประกันในโครงการขวัญกมล อยุธยา อลิอันซ์ 20/90 ทำตั้งแต่ลูกอายุ 1 เดือน ตอนนี้ครบมาสองปีแล้วค่ะ โดยใช้วิธีให้แต่ละบริษัทเสนอเงื่อนไขการประกัน วงเงิน เบี้ยประกันที่ต้องชำระส่งให้ดูค่ะ และเอามานั่งอ่านแล้วเราก็เลือกที่เรา “ไหว” ค่ะ ไม่ใช่ดีที่สุดแต่เราจ่ายไหวค่ะ

    ความคิดเห็นจากคุณ Volksrecht

    ประกันสุขภาพเด็กพันทิป

    คุณ Volksrecht เลือกใช้ประกันของ FWD และ AIA เพราะปกติเอาลูกเข้าโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯค่ะ
    FWD ข้อดีคือเวลาที่ลูกเข้าโรงพยาบาลเคลมง่ายและเร็วค่ะ
    AIA เป็นบริษัทประกันที่มีคนใช้บริการเยอะมากค่ะ ทำเรื่องเคลมก่อนออกจากโรงพยาบาลในบางครั้ง 3 ชั่วโมงจนรอไม่ไหว เอาบัตรเครดิตไปรูดประกันไว้ก่อนและพอเคลมเสร็จทางโรงพยาบาลค่อยแคนเซิลบัตรเครดิตให้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแจ้งว่า การเคลมประกันของทาง AIA จะทำการเคลมให้ตามคิว ยื่นเรื่องก่อนพิจารณาก่อนซึ่งมันนานมาก โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์หรือในช่วงที่โรคเด็กแพร่ระบาดค่ะ

    ความคิดเห็นจากคุณ arrissat

    ประกันสุขภาพเด็กpantip

    คุณ arrissat เลือกทำประกันของไทยประกันภัย โดยซื้อผ่านทางธนาคารทหารไทยมา 2 ปีติดต่อกันแล้วค่ะ ลูกเราอายุ 4 ขวบ ซื้อประกันสุขภาพโดยค่าเบี้ยประกันประมาณ 12,000 บาท เคลมได้ครั้งละ 30,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินค่าห้องและไม่จำกัดว่าในหนึ่งห้ามเคลมเกินกี่ครั้งค่ะ

    ความคิดเห็นจากคุณ Deathangel

    รีวิวประกันสุขภาพเด็กpantip

    คุณ Deathangel ลูก 2 คน อายุ 4 ขวบ กับ 1 ขวบครับ เน้นนอนโรงพยาบาลของรัฐ ค่าห้องประมาณ 3000++ และกรณีนอนโรงพยาบาลยอมจ่ายส่วนเกินนิดหน่อยครับ(ถ้ามี) ผมเลือกใช้เมืองไทยประกันชีวิต และเลือกประเภทแยกค่าใช้จ่ายโดยค่าเบี้ยประมาณ 28,000 กว่าๆต่อคนครับ (รู้สึกตอนนี้แบบประกันนี้ค่าเบี้ยจะขึ้นแล้วครับต้องลองตรวจสอบดูนะครับ) แต่ถ้าเลือกแบบเหมาจ่าย ส่วนเกินแทบจะไม่ต้องเสียครับแต่ค่าเบี้ยก็จะประมาณ 4-5 หมื่นบาทต่อปี ผมเลือกแบบแยกค่าใช้จ่ายเพราะว่ากรณีไม่ป่วย ก็ถือว่าเสียเบี้ยน้อยหน่อยหรือกรณีป่วยไม่หนักมากก็มีส่วนเกินประมาณไม่เกินหมื่น แต่ถ้าป่วยปีละ 2 ครั้งค่าใช้จ่ายก็จะพอๆกับแบบเหมาจ่ายพอดี กรณีป่วยหนัก (มองในแง่ดีน่าจะเกิดน้อย) ผมก็ยอมรับความเสี่ยงเอาครับ โดยมีทำแบบแบ่งจ่ายกับบริษัทประกันแบบ 80/20 ไว้ (ประกันจ่าย 80 เราจ่าย 20 สูงสุด 200,000 บาท) และล่าสุดลูกสาวป่วยเป็น RSV ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลศิริราช 4 คืน ห้องพิเศษเดี่ยว 2 คืน ห้องสามัญ 2 คืน (โดนย้ายลงสามัญเนื่องจากอาการหนักขึ้นต้องให้พยาบาลดูแลใกล้ชิดหมอและพยาบาลจะสังเกตได้ง่ายกว่า) ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 26,957 ประกันจ่ายให้ 26,777 มีส่วนเกิน 180 บาท (ค่าไฟฟ้า) และได้เงินชดเชยรายได้คืนละ 500 บาท โดยส่งมาเป็นเช็คจำนวนเงิน 2,000 บาท (ได้รับเช็ค 3 วันหลังจากออกโรงพยาบาลครับ

    จากตัวอย่างความคิดเห็นของคุณพ่อคุณแม่ชาวพันทิปข้างต้นนี้จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเลือกทำประสุขภาพให้กับลูกน้อยบริษัทที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือคุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนเห็นถึงความจำเป็นของประกันสุขภาพลูกรักค่ะ ดังนั้นการเลือกประกันสขภาพลูกรักควรเลือกให้ตรงกับความต้องการมากที่สุดบวกกับค่าเบี้ยประกันที่เราสามารถจ่ายไหวค่ะ

  • สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพเด็ก

    สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพเด็ก

    สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพเด็ก

    สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาช่วยแนะนำสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพให้กับลูกน้อยค่ะ เพราะสุขภาพและความปลอดภัยของลูกเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่มักสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครอง เพราะทุกครั้งที่เห็นว่าลูกเจ็บป่วยคนเป็นพ่อเป็นแม่จะเจ็บยิ่งกว่า ซึ่งเด็กๆมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิต้านทานต่อโรคยังไม่แข็งแรงเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการโรคระบาดต่างๆในเด็ก การเจ็บป่วยของลูกในแต่ละครั้งมักจะตามมาด้วยค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการวางแผนการเงินเพื่อลูกที่ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายเมื่อลูกป่วยนี้ สร้างความอุ่นใจว่าลูกของเรานั้นจะได้รับการรักษาได้อย่างเต็มที่ค่ะ การพิจารณารายละเอียดของประกันให้ครบถ้วนก่อนตัดสินซื้อประกันนั้นค่ะ

    เรื่องที่ 1 ตรวจสอบความคุ้มครองที่มีอยู่เพียงพอต่อความคุ้มครองของลูกหรือยัง เช่น สวัสดิการที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่, สวัสดิการภาครัฐ เป็นต้น

    • สวัสดิการที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รับราชการหรือเป็นพนักงานองค์กรรัฐวิสาหกิจ จะได้รับสวัสดิการคุ้มครองทางด้านสุขภาพของบิดา มารดา ตัวเอง คู่สมรสและบุตรในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐโดยสามารถเบิกจ่ายได้ทั้งหมด หรือบางหน่วยงานสามารถรับสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนได้เพิ่มเติม
    • สวัสดิการภาครัฐ สิทธิคุ้มครองภาครัฐที่เด็กแรกเกิดได้รับคือสิทธิบัตรทอง ซึ่งสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาล รับการตรวจวินิจฉัยโรคทั่วไปและโรคเรื้อรัง รวมถึงโรคเฉพาะทางต่างๆ ทั้งในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

    เรื่องที่ 2 การเลือกแบบประกันสุขภาพให้เหมาะสม ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 แบบ ดังนี้

    • ประกันสุขภาพแบบเดี่ยว คือ การทำประกันคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุแบบเดี่ยวไม่ต้องซื้อประกันชีวิตเป็นสัญญาหลัก โดยสามารถซื้อความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายรายปีได้ เพื่อให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเป็นผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รายละเอียดความคุ้มครองตามที่บริษัทประกันได้กำหนดในแบบประกันไว้แล้ว
    • ประกันสุขภาพแบบพ่วง คือ การทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ โดยซื้อเป็นอนุสัญญาเพิ่มเติมพ่วงกับประกันชีวิตที่เป็นสัญญาหลัก มีการต่ออายุสัญญาการคุ้มครองเป็นรายปีและสามารถต่ออายุอนุสัญญาได้นานเท่ากับระยะเวลาคุ้มครองของสัญญาประกันชีวิตตัวหลัก ซึ่งการซื้อประกันแบบพ่วงนี้มักมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าแบบจ่ายเดี่ยวเนื่องจากต้องจ่ายเบี้ยรวมกับประกันชีวิตที่เป็นสัญญาหลักค่ะ

    เรื่องที่ 3 ความคุ้มครองในการรักษาพยาบาล ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้

    • ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยใน(IPD) คือ การรักษาพยาบาลในกรณีที่ต้องนอนโรงพยาบาล โดยคุ้มครองค่าใช่จ่ายหลักๆ คือ ค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล ค่าแพทย์ที่ปรึกษา ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินหากเกิดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
    • ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก(OPD) คือ การรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถพิจารณาได้จากโอกาสเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆในแต่ละปีของลูกน้อย และวงเงินความคุ้มครองที่ต้องการค่ะ

    เรื่องที่ 4 รูปแบบวงเงินการคุ้มครอง ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

    • แบบวงเงินเหมาจ่าย คือประกันที่มีการกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาลหลักๆ เช่น ค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่ารักษาพยาบาลเป็นวงเงินที่ชัดเจน แต่เพิ่มวงเงินแบบเหมาจ่ายในรายการค่าใช้จ่ายพิเศษ เช่น ค่ารถโรงพยาบาลฉุกเฉิน ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ค่าผ่าตัด โดยสามารถเบิกได้ตามจริงแต่ต้องไม่เกินวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ในแบบประกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นค่าใช้จ่ายในการรักษาตามจริง ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายนี้เบี้ยประกันมักสูงกว่าแบบแยกค่าใช้จ่าย
    • แบบแยกค่าใช้จ่าย คือประกันที่มีการกำหนดวงเงินแยกค่าใช้จ่าย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถคำนวณค่าใช้ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ค่าห้องพยาบาลให้สอดคล้องกับโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาบ่อย ฯลฯ เพื่อให้สามารถเลือกแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้จริงได้ค่ะ

    โดยปกติประกันสุขภาพสำหรับเด็กมักทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดขึ้นไปค่ะ และในส่วนของการเลือกทำประกันในช่วงไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณพ่อคุณแม่ว่าควรทำตอนไหนโดยอาจดูจากความเสี่ยงต่างๆที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของลูก แอดมินขอแนะนำให้ทำในช่วงที่ลูกมีสุขภาพแข็งแรงค่ะเพราะทำได้ง่ายกว่าในตอนที่มีประวัติการเกิดโรคต่างๆแล้วค่ะ และสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกทำประกันคือควรเลือกเบี้ยประกันที่สอดคล้องกับการเงินด้วยค่ะ

  • ประกันสุขภาพลูกรักเจ็บป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย

    ประกันสุขภาพลูกรักเจ็บป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย

    ประกันสุขภาพลูกรักเจ็บป่วยไม่ต้องสำรองจ่ายคืออะไร และทำไมต้องทำด้วยเมื่อลูกแข็งแรงดีไม่มีเคยเจ็บป่วย วันนี้เราจะพาคุณมาหาคำตอบค่ะ
    ทางเราต้องเรียนให้ทราบอย่างนี้ค่ะ การทำประกันสุขภาพให้กับลูกนั้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถวางแผนได้ในเรื่องของเบี้ยประกัน ระยะเวลาการประกัน ความคุ้มครอง เป็นต้น ซึ่งการทำประกันนั้นเปรียบเหมือนเป็นหลักประกันความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลลูกในกรณที่มีการเจ็บป่วยขึ้นมา ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบที่ดี โดยไม่ต้องกังลวในเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่คุณไม่สามารถวางแผนหรือคาดเดาได้ คือ การเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อย ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถวางแผนโดยการทำประกันให้กับลูกคุณได้ตั้งแต่วันนี้ค่ะ และควรจะเลือกทำประกันแบบไหนดี เรามีตัวอย่างประกันลูกรักเจ็บป่วยไม่ต้องสำรองจ่ายมาให้คุณพ่อคุณแม่ประกอบการพิจารณาค่ะ

    ไทยประกันชีวิต
    ประกันเพื่อลูกสุดที่รัก ประกับสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 15 ปี
    ค่าชดเชยรายวัน กรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุด 2,000 บาท หรือกรณีนอนพักรักษาในโรงพยาบาล 5 โรคฮิตในเด็ก ได้แก่ โรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส โรคมือเท้าปาก โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ โรคอาหารเป็นพิษและโรคบาดทะยัก
    ได้รับเงินชดเชยสูงสุด 4,000 บาท
    ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 100,000 บาท
    รับเงินคืนเมื่อสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 7 สูงสุด 50,000 บาท ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 325%
    ประกันแบบนี้เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการออมเงินให้กับลูกน้อยและคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายในการเจ็บป่วยพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุโดยที่ไม่ต้องสำรองเงินค่ารักษาค่ะ (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ)

    เมืองไทยประกันชีวิต
    เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการออมเงินให้กับลูกน้อยและคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายในการเจ็บป่วย ซึ่งมีหลากหลายแพคเกจ A, B, C, MAX ให้เลือกตามงบประมาณที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการค่ะ ประกันสุขภาพลูกน้อยอายุ 0 – 5 ปี หรือ 6 – 10 ปี คุ้มครองค่าใช้จ่ายโรคยอดนิยมในเด็ก เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคปอดบวม อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ครอบคลุมค่าใช้จ่ายกรณีต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าพยาบาล ค่าแพทย์ตรวจรักษา ค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆตามจริง(สูงสูดตามแต่ละแพคเกจของแบบประกัน) รวมถึงค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุแบบผู้ป่วยนอกไม่ต้องสำรองจ่าย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หกล้ม อุบัติเหตุ แผลนิดหน่อยก็สามารถเคลมได้ รายละเอียดตามวงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันนั้นค่ะ สามารถใช้สิทธิ์ร่วมกับโรงพยาบาลในเครือของเมืองไทยประกันชีวิตกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ)

    อลิอันซ์ อยุธยา Allianz Ayudhya
    ประกันสุขภาพสำหรับเด็กอายุ 1 เดือน 1 วัน ถึงอายุ 10 ปี สามารถต่ออายุได้ถึง 79 ปี คุ้มครองจนถึงอายุ 80 ปี ครอบคลุมการรักษาพยาบาลแบบจัดเต็ม ค่าห้อง ICU สูงสุดวันละ 4,000 บาท กรณีที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าห้อง/ค่าอาหาร/ค่าบริการพยาบาลประจำวัน สูงสุดวันละ 2,000 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆ(จ่ายตามจริง)สูงสุด 50,000 บาท ค่าตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ(Lab)สูงสุดวันละ 3,500 บาท รวมถึงคุ้มครองการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ(นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็เบิกได้) ภายใน 52 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุวงเงินจ่ายตามจริง รวมสูงสุด 70,000 บาท และสามารถเลือกระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันได้ทั้งแบบรายเดือน, ราย 3 เดือน, ราย 6 เดือน และรายปี ประกันแบบนี้เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการออมเงินให้กับลูกน้อยและคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายในการเจ็บป่วยพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุโดยที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็เบิกได้ไม่ต้องสำรองเงินค่ารักษาค่ะ (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนประกันค่ะ)

    ทั้งนี้จากข้อความที่กล่าวข้างต้นนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งการเลือกหรือทำประกันสุขภาพให้กับลูกรักควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วนและสอบถามเพิ่มเติมจากบริษัทประกัน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคุณพ่อคุณแม่และลูกรักค่ะ

  • คำถามที่พบบ่อย-ประกันสุขภาพเด็ก

    คำถามที่พบบ่อย-ประกันสุขภาพเด็ก

    สวัสดีค่ะ
    บทความนี้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันที่หลายๆคนสอบถามกันเข้ามาค่ะ

    Q : เด็กควรทำประกันสุขภาพไหมและควรทำตอนอายุเท่าไร
    A : การทำประกันสุขภาพเด็ก คือสิ่งที่ช่วยให้กระจายความเสี่ยงให้กับเด็กและคุณพ่อคุณแม่รู้สึกอุ่นใจค่ะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กมีประกันจะไม่เจ็บป่วยนะคะ แต่ถ้ามีประกันไว้ แล้วเด็กป่วยขึ้นมาก็จะมีสิ่งช่วยคุ้มครองความเสี่ยงทางด้านการรักษาที่ดี คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจเรื่องการรักษาไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเป็นก้อนค่ะ ในส่วนของควรทำประกันให้เด็กตอนอายุเท่าไรนั้น จริงๆแล้วควรทำตั้งแต่แรกเกิดค่ะ เนื่องจากเด็กเล็กระบบภูมิต้านทานต่ำกว่าใน่ช่วงวัยอยู่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้ง่ายค่ะ แต่เบี้ยประกันก็จะแพงตามขึ้นมาด้วยค่ะ

    Q : ทำไมต้องทำประกันสุขภาพผ่านตัวแทน
    A : เพราะการซื้อประกันผ่านตัวแทนนั้น จะช่วยให้คุณอุ่นใจ มีที่ปรึกษาส่วนตัว และกรณีที่เจ็บป่วย ตัวแทนจะคอยช่วยเหลือประสานงานด้านผลประโยชน์ในการรักษา ดูแลค่าใช้จ่ายจากประกันสุขภาพ ตัวแทนบางคนมีประสบการณ์สูงสามารถต่อรองเรื่องความคุ้มครองโยกย้ายค่ารักษาบางอย่างให้เป็นค่ารักษาที่คุณไม่ต้องจ่ายเพิ่มได้ค่ะ

    Q : ทำประกันสุขภาพคุ้มไหม
    A : ความคุ้มค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ซึ่งบางคนอาจวัดจากเงินในการจ่ายเบี้ยประกันเทียบกับค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น เพราะการซื้อประกันสุขภาพนั้นไม่ใช่การซื้อสิ่งของแต่การซื้อประกันสุขภาพ คือการซื้อความเสี่ยงที่อาจจะเกิดในอนาคตหรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ค่ะ หลายท่านจึงเลือกการซื้อประกันสุขภาพเพื่อป้องกันความในการสูญเสียเงินจากค่ารักษาพยาบาลค่ะ

    Q : ลูกเคยป่วยโรคเรื้อรังหรือมีโรคประจำตัว ประกันจะคุ้มครองโรคนั้นไหม
    A : กรณีที่ผู้เอาประกันมีโรคประจำตัวหรือเคยป่วยด้วยโรคนั้น ก่อนการทำประกันสุขภาพในกรมธรรม์ของประกันจะระบุอย่างชัดเจนว่า ยกเว้นโรคที่เคยเป็นมาก่อนการทำประกันค่ะ

    Q : ทำไมเบี้ยประกันบางส่วนถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี
    A : แบบประกันจะมีสัญญา 2 ส่วนค่ะ คือ
    – สัญญาประกันชีวิตซึ่งเป็นสัญญาหลักและเบี้ยประกันภัยคงเดิมตลอดอายุสัญญาค่ะ
    – สัญญาเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะเปลี่ยนแปลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นค่ะ

    Q : ซื้อประกันแล้วส่งเบี้ยไม่ไหวควรทำอย่างไร
    A : สามารถทำได้หลายแบบค่ะ เช่น ลดทุนประกัน ปิดกรมธรรม์ หรือตัดอนุสัญญาค่ะ ทางเราแนะนำให้ขอเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกันค่ะ ซึ่งแต่เดิมอาจชำระเป็นรายปี อาจเปลี่ยนเป็นราย 3 เดือน หรือรายเดือน หรือเลือกวิธีการผ่อนผันชำระเบี้ย บางบริษัทสามารถผ่อนผันได้ประมาณ 31 วัน โดยที่สิทธิในการคุ้มครองยังคงอยู่ค่ะ

    Q : การเบิกค่ารักษาพยาบาลต้องใช้ใบเสร็จตัวจริงหรือสำเนา
    A : การเบิกค่ารักษาพยาบาลจะต้องใช้ใบเสร็จตัวจริงเท่านั้นค่ะ ถ้ากรณีที่ทำประกันสุขภาพไว้หลายบริษัทและจำเป็นต้องเบิกหลายที่ สามารถแจ้งบริษัทหรือแจ้งตัวแทนประกันนั้นๆได้ว่าขอใบเสร็จเพื่อจะนำไปเบิกกับที่อื่นๆได้ค่ะ

    Q : บริษัทประกันสามารถบอกยกเลิกประกันสุขภาพได้หรือไม่
    A : ได้ค่ะ เนื่องจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเป็นสัญญาปีต่อปี หากบริษัทประกันภัยพบว่าผู้เอาประกันภัยทุจริต บริษัทอาจบอกเลิกได้ทันทีและไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ค่ะ



  • ประกันสุขภาพเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 10 ปี(อลิอันซ์ อยุธยา)

    ประกันสุขภาพเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 10 ปี(อลิอันซ์ อยุธยา)

    ประกันสุขภาพเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 10 ปี(อลิอันซ์ อยุธยา)
    ประกันสุขภาพของลูกคุณสามารถวางแผนได้ แต่สุขภาพและค่ารักษาพยาบาลของลูกคุณไม่สามารถคาดเดาได้ โดยเฉพาะเด็กๆอายุ 0 – 10 ปี ช่วงวัยของการเจริญเติบโตการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งทางร่างกาย จิตใจและอารมณ์ ดังนั้นอย่าปล่อยให้การเจ็บป่วยของเด็กๆเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ วันนี้แอดมินจะขอยกตัวอย่างประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 10 ปี ที่คุ้มครองค่ารักษาพยาลสูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี จากอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาประกันให้กับลูกน้อยอยู่ค่ะ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี
    ประกันที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่แบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี และปรับเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทต่อปี เมื่ออายุ 11 ปีขึ้นไป มีรายละเอียดดังนี้
    คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยใน
    – กรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ รวมทั้งการผ่าตัดหรือหัตถการที่ไม่ต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล
    – จ่ายตมจริงค่ายา ค่าเอ็กซเรย์ ค่าห้องแลป ค่าบริการทาง กายภาพบำบัด ค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ
    – ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ต่อวัน (สูงสุด 180 วันต่อรอบปีกรมธรรม์) จำนนวน 1,000 บาท
    –  ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวัน (สูงสุด 180 วันต่อรอบปี กรมธรรม์) จำนนวน 2,000 บาท
    – ค่าห้อง ICU ต่อวัน (สูงสุด 60 วัน ต่อปี และเมื่อรวมกับ) จำนวน 4,000 บาท
    – ฯลฯ
    คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยนอก
    – จ่ายตามจริงค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง
    – จ่ายตามจริงค่าล้างไต เคมีบำบัดและรังสีบำบัด
    – จ่ายตามจริงค่าเอ็กซเรย์และแลป ภายใน 30 วันก่อนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและ/หรือภายใน 60 วันหลังออกจากโรงพยาบาล
    – ฯลฯ

    สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น(Nursing Care)โดยไม่มีค่าใช้จ่าย(การบริการมีเงื่อนไข กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขก่อนใช้บริการ)
    **Nursing Care คือบริการดูแดยามคุณพักฟื้น บริการโดยบุคลากรพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ครอบคลุมตั้งแต่การทำความสะอาดแผลผ่าตัดไปจนถึงการทำกายภาพบำบัด ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาลสูงสุด 7 วันต่อการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในแต่ละครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพตามที่กำหนดค่ะ

    ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องความคุ้มครอง ข้อกำหนดเงื่อนไข ข้อยกเว้นและผลประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันภัยให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ต่อตัวลูกน้อยและคุณค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนประกันอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตค่ะ