[table id=3 /]
Tag: การฉีดวัคซีน
-
โรคหัดในเด็ก (Measles)
สวัสดีค่ะ บทความนี้เราจะมาพูดคุยเกี่ยบกับโรคหัด ไข้ออกผื่น ที่มาพร้อมกับหน้าหนาวพบบ่อยได้ในเด็กเล็ก โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดในช่วงเด็กอายุ 1 – 6 ปี โรคหัดส่วนมากจะหายจากหัดได้เองแต่ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอื่นๆขึ้นมาได้และอาจเสียชีวิตได้ค่ะ ดังนั้นหากลูกเป็นโรคหัด คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร รวมถึงมีวิธีการป้องกันโรคหัดอย่างไรบ้างไปหาคำตอบกันค่ะ
โรคหัด คืออะไร
โรคหัด (Measles) เกิดจากไวรัส Rubeola Virus เป็นโรคที่ทำให้เกิดไข้ออกผื่น มีลักษณะเด่นคือ มีไข้ร่วมกับการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีน้ำมูก ไอบ่อย ตาแดง มีผื่นขึ้นที่ผิวหนังลักษณะเป็นผื่นนูนแดงติดกันเป็นปื้นๆ ผื่นจะขึ้นที่หน้าบริเวณชิดขอบผมแล้วกระจายไปตามลำตัว แขน ขา หลังจากนั้นไข้จะเริ่มลดลงและผื่นจะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีแดงคล้ำและจะจางหายไปเองค่ะ โรคหัดมีการติดต่อสู่คนได้ง่ายจากการหายใจ การไอ จามรดกัน การใช้สิ่งของร่วมกัน ของเล่น-ของใช้ที่ปนเปื้นเชื้อโรคและมักนำเข้าปากในเด็กเล็ก เนื่องจากเชื้อไวรัสจะอยู่ในละอองน้ำลายและน้ำมูกของผู้ป่วยค่ะ
อาการของโรคหัด
อาการของโรคหัดโดยทั่วไปจะเกิดอาการหลังจากได้รับเชื่อภายใน 14 วัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะก่อนออกผื่น ลุกจะเริ่มด้วยการมีไข้สูง น้ำมูกไหล ไอแห้ง เจ็บคอ มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหารร่วมด้วย จะเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 3-4 วันค่ะ
- ระยะออกผื่น เด็กจะมีผื่นนูนแดงเป็นปื้นๆ ไม่คัน โดยขึ้นที่บริเวณโคนผม ใบหน้าก่อน หลังจากนั้นจะแพร่กระจายไปทั่วตัว เมื่อผื่นขึ้นไข้จะเริ่มลดลงค่ะ ผื่นจะมีสีแดงต่อมาสีจะเข้มขึ้นจนแดงคล้ำและหายไปเอง
การรักษาโรคหัด
โรคหัด เนื่องจากยังไม่มีการรักษาเฉพาะจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ฯลฯ และโรคหัดสามารถหายเองได้ภายใน 7 – 10 วัน เมื่อดูปเป็นโรคหัดคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแดลูกน้อยโดยการเด็กนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ทานอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทางโรคให้แก่เด็กค่ะ แต่ถ้าหากลูกมีอาการไอมาก เสมหะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียว หรือหายใจเหนื่อยหอบ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัด
ภาวะแทรกของดรคหัด ซึ่งมักเกิดกับทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ในเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กขาดสารอาหาร และภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ ไปจนถึงวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่สุขภาพไม่ดีค่ะ ภาวะแทรกที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ หูส่วนกลางอักเสบซึ่งอาจมีผลต่อการได้ยินของเด็กได้ โรคปอดอักเสบติดเชื้อ โรคสมองอักเสบ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร อุจจาระร่วง ไส้ติ่งอักเสบ ตับอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และเสียชีวิตได้เช่นกันค่ะ ในกรณีของสตรีมีครรภ์ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัด และติดเชื้อไวรัสนั้นมีโอกาสเสี่ยงแท้งบุตรหรือทารกเสียชีวิตในครรภ์หรือคลอดก่อนกำหนด
การดูแลป้องกันโรคหัดในเด็ก
โรคหัดสามารถป้องกันได้ค่ะ หากเด็กได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดครบตามกำหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ป้องกันได้ทั้งโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน โดยทารกสามารถรับวัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 9 – 12 เดือน และครั้งที่สองเมื่ออายุ 2 ปี 6 เดือน คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนตามกำหนด เพื่อป้องกันโรคหัดและโรคแทรกซ้อนอันตรายอื่นๆที่อาจเกิดตามมาได้ค่ะ
โรคหัดในเด็กอันตรายใกล้ตัวที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลและป้องกันได้ค่ะ เพราะยุขภาพลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลป้องกันย่อยดีกว่าการแก้ไขเสมอค่ะบทความที่เกี่ยวข้อง
-
โรคหลอดลมอักเสบในเด็ก
โรคหลอดลมอักเสบในเด็กกลุ่มที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็กหลายคนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ บทความที่เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคหลอดลมอักเสบค่ะ
โรคหลอดลมอักเสบ
คือโรคที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลมซึ่งเป็นท่อที่นำลม หรืออากาศที่หายใจเข้าสู่ปอด เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่งของเด็กค่ะ อาการโดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกับการเป็นไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ไอและมีเสมหะ เจ็บคอ แสบคอ หรือเจ็บหน้าอกได้ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หรืออาจหายใจมีเสียงดังหวีดได้ และอาจมีไข้ร่วมด้วย โรคหลอดลมอักเสบในเด็กโดยทั่วไปแล้วไม่มีความรุนแรงสามารถรักษาให้หายได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลให้ถูกวิธีอาจส่งผลให้ลุกลามไปเป็นปอดอักเสบ หรือปอดบวมในเด็กที่มีความรุนแรงได้ค่ะ หากมีอาการไข้สูงไม่ลดลงภายใน 48 ชั่วโมง ภายหลังกินยาลดไข้ มีอาการไอมาก ซึม เพลีย และมีอาการอาเจียน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก
มีดังต่อไปนี้
- เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโรคหัด ไวรัสRSV ซึ่งสาเหตุจากเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุด
- เชื้อแบคทีเรีย เช่น มัยโคพลาสมา หรือ คลามัยเดีย เชื้อโรคไอกรน ฯลฯ
- การแพ้หรือระคายเคืองต่อสารบางอย่างที่สูดดมเข้าไป จนทำให้หลอดลมเกิดการอักเสบ เช่น ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง เป็นต้น
การรักษาและการดูแลโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก
การรักษาโรคนี้ส่วนมากจะรักษาตามอาการค่ะ เนื่องจากว่าโรคหลอดลมอักเสบนั้นเกิดขึ้นจากไวรัสเกือบทั้งหมด จึงไม่มียาที่จำเพาะสำหรับการรักษา เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ที่จะมียาต้านทานไวรัสไข้หวัดใหญ่รักษาได้ค่ะ ในระยะแรกคุณหมออาจใช้วิธีพ่นยา ทานยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม หรือยาฆ่าเชื้อจนกว่าอาการจะดีขึ้นค่ะ และคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกด้วยการให้ลูกพักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ เพราะน้ำเป็นยาละลายเสมหะที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการทานของเย็น รวมถึงการเลี่ยงอากาศที่เย็นโดยเฉพาะแอร์และพัดลมไม่ควรเป่าจ่อตัวลูกโดยตรงและควรห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายค่ะ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ
การป้องกันโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก
สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบางโรค เช่น โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไอกรน ฯลฯ เนื่องจากโรคเหล่านี้อยู่ในกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีผลให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบได้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กรู้จักการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น การล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร/หลังจากการเข้าห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย การปิดปากปิดจมูกเวลาไอหรือจาม เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นค่ะ รวมถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ ในระหว่างวันควรดื่มน้ำให้มากๆ รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคมากยิ่งขึ้นค่ะ นอกจากนี้ คุณพ่อและคุณแม่ควรใส่ใจดูแลในเรื่องสุขภาพของลูกอีด้วยค่ะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงห่างไกลโรคต่างๆและยังทำให้ลูกมีชีวิตที่มีความสุขพัฒนาการสมวัยอีกด้วยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง