เฮอร์แปงไจนา

โรคเฮอร์แปงไจนา

โรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina) เป็นหนึ่งในโรคระบาดที่พบบ่อยมากในเด็กอายุ 1 – 7 ปี ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันกับโรคมือเท้าปาก แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเนื่องจากอาการมักไม่ค่อยรุนแรงและสามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน โรคนี้ทำให้เกิดตุ่มแผลในปากซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของเด็กๆที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจ เพื่อเรียนรู้วิธีการดูแลรักษาและการป้องกันของการเกิดโรคดังกล่าวค่ะ

โรคเฮอร์แปงไจนาคืออะไร

โรคเฮอร์แปงไจนา คืออะไร

เฮอร์แปงไจนา (Herpangina) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus Infection) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคมือเท้าปากทำให้มีตุ่มแผลในปากแต่ไม่มีตุ่มที่มือและเท้า และมีอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งเฮอร์แปงไจสามารถแพร่กระจายได้ทั้งทางปาก ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงการใช้สิ่งของส่วนบุคคลร่วมกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ เช่น ผ้าขนหนู แก้วน้ำ เป็นต้น 

อาการของเฮอร์แปงไจน่าเป็นอย่างไร

หลังจากติดเชื้อไวรัสมักมีไข้เฉียบพลันซึ่งอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ เจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองในคอบวมโต น้ำลายไหลยืดหรืออาเจียน (ในเด็กทารก) มีแผลในช่องปากหลายแผลบริเวณเพดาน ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล ผนังคอด้านหลัง แต่จะไม่พบตุ่มแผลที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าค่ะ

การรักษาโรคเฮอแปงไจน่า

เนื่องจากไม่มียาสำหรับต้านเชื้อไวรัสโดยเฉพาะ และเป็นโรคที่สามารถหายได้เองใน 7 – 10 วันค่ะ การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ทายาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้ บรรเทาอาการปวด หรือยาทาแก้แผลในปากค่ะ เป็นต้น รวมถึงการรับประทานอาหารควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อน ผลไม้รสเปรี้ยว เพราะอาจทำให้เจ็บแผลและรุนแรงมากขึ้นค่ะ

การป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา

การป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา

เนื่องจากเป็นโรคที่มีวัคซีนป้องกันโรคโดยเฉพาะ ดังนั้น วิธีการป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาดมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ไอจามควรปิดปากทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนแออัด หรือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และควรปลูกฝังนิสัยลูกให้ใส่ใจการดูแลรักษาสุขอนามัยที่ดีคือ หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อน-หลังรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง รวมถึงเมื่อลูกไม่สบายควรให้หยุดเรียนค่ะ

โรคเฮอร์แปงไจนา

นอกจากนี้หากพบว่าลูกมีอาการผิดปกติหรือมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการทางระบบประสาท เป็นต้นค่ะ