ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาสุขภาพต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อเด็กๆ และโรคลมชักเป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดขึ้นในเด็กและไม่ควรละเลยค่ะ เนื่องจากเป็นโรคทางระบบประสาทส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการในด้านต่างๆของเด็กค่ะ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคลมชัก วิธีการรับมือและการรักษาที่ถูกวิธีไปพร้อมกันค่ะ
โรคลมชักเป็นอาการที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมอง ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาททำให้ร่างกายเกิดการชักเกร็ง ปัจจุบันโรคลมขักในเด็กยังไม่ระบุแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการลมชักในเด็กได้ เช่น กรรมพันธุ์ เนื้องอกในสมอง ความพิการในสมองแต่กำเนิด สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง เป็นต้น โรคลมชักในเด็กจะส่งผลต่อการพัฒนาการของสมองของเด็กๆ ทั้งด้านร่างกายทางการเคลื่อนไหว การรับรู้ พฤติกรรมและอารมณ์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็วสมองของเด็กๆก็จะได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ
อาการของโรคลมชักในเด็ก
อาการและความรุนแรงของโรคลมชักในเด็กจะขึ้นอยู่กับคลื่นไฟฟ้าทางสมอง ซึ่งบางครั้งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก โดยอาการชักที่พบได้บ่อยในเด็ก ได้แก่ อาการชักแบบทั้งตัว ซึ่งมักจะแสดงอาการชักเกร็งกระตุกโดยที่เด็กไม่รู้ตัวนานกว่า 2-3 นาที และจำไม่ได้ว่าตัวเองมีอาการชักเกร็ง อาการชักแบบเหม่อลอยจะแสดงอาการเหม่อลอย นิ่งไปในระหว่างการพูดคุย เรียกไม่รู้สึกตัว และไม่มีการชักกระตุกของกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุ 5 – 10 ปีค่ะ
การรักษาโรคลมชักในเด็ก
เนื่องจากโรคลมชักในเด็กไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการให้ยากันชักอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับกระแสไฟฟ้าในสมองป้องกันการเกิดลมชัก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกทายยาสม่ำเสมอค่ะ เนื่องจากอาการชักเกร็งจะส่งผลต่อการพัฒนาการทางด้านต่างๆของเด็ก และในบางกรณีที่ดื้อยาร่างกายไม่ตอบสนองต่อยากันชักต้องรักษาโดยการผ่าตัดสมองในตำแหน่งที่มีความผิดปกติ ด้วยเทคโนโลยีทางด้านเทคนิคการแพทย์ในปัจจุบันสามารถค้นหาความผิดปกติของสมองจุดกำเนิดของลมชักได้อย่างแม่นยำ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเด็กมีอาการชักเกร็งดังต่อไปนี้
- จัดให้เด็กนอนราบกับพื้น ตะแคงศีรษะไปทางด้านข้าง
- ห้ามงัดปากเพื่อนำสิ่งของเข้าปากเพื่อป้องกันการกัดลิ้น เพราะจะทำให้เด็กดิ้นมากขึ้นอาจทำให้สิ่งของหลุดเข้าคอได้ หรือทำให้เด็กหายใใจไม่ออกได้
- สังเกตว่าเด็กมีอาการชักนานกว่า 5 นาทีหรือไม่ ถ้านานกว่า 5 นาทีหรือชักซ้ำมากกว่า 1 ครั้งภายในวันเดียวหลังจากชักให้มาพบแพทย์ทันทีค่ะ
โรคลมชักเป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการชักได้ ในกรณีที่เด็กเป็นโรคลมชักควรให้ทานยาอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งหากลูกมีอาการของโรคลมชักหรือสงสัยว่าลูกอาจเป็นโรคลมชัก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ
Leave a Reply