โรคครูปในเด็ก
โรคครูป ส่วนใหญ่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อันตราย และสามารถหายไปเองภายใน 3 – 7 วัน แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจบวมอักเสบจนส่งผลกระทบต่อการหายใจได้เช่นกันค่ะ โรคครูปเป็นอีกหนึ่งโรคใกล้ตัวลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามค่ะ วันนี้แอดมินจะพามารู้จักกับ “โรคครูป” คะ ส่งผลกระทบอย่างไรกับลูกน้อยบ้าง
โรคครูป(Croup) หรือ โรคกล่องเสียงและหลอดลมใหญ่อักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจติดขัด ไอมีเสียงก้อง พบบ่อยในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 3 ปี และมักเกิดในช่วงฤดูหนาว เพราะว่าในช่วงฤดูหนาวอากาศแห้ง ความชื้นในอากาศมีน้อย ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งกว่าปกติ ภูมิต้านทานโรคลดลง ยิ่งในเด็กเล็กแนวโน้มของการติดเชื้อได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ค่ะ โรคครูปมักเกิดจาการติดเชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซา จากการหายใจสูดเอาละอองที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป หรือจากการสัมผัสของเล่นที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสและนำเข้าปาก ในเด็กอายุ 3 – 7 ปี มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อคอตีบ ที่ทำให้เป็นโรคคอตีบ ฮีโมฟิลุสอิสฟลูเอนซาที่ทำให้เกิดโรคลิ้นกระบอกเสียงอักเสบเฉียบพลัน รวมถึงสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินหายใจเกิดการแพ้ทำให้กล่องเสียงบวมอักเสบนั่นเองค่ะ
อาการของโรคครูป
อาการขอโรคครูป ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายเป็นหวัด โดยมีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล แต่โรคครูปจะมีอาการไอแห้งๆ เสียงก้องคล้ายเสียงเห่า และ มักมีอาการในเวลากลางคืน เสียงแหบ หายใจเสียงดัง หายใจลำบาก อ่อนเพลียมาก และตัวเขียวจากการขาดออกซิเจน และฟังปอดพบเสียงการหายใจที่ผิดปกติได้ โดยมีระดับความรุนแรงดังนี้
- อาการในระยะแรก เด็กยังคงรับประทานอาหารได้ เล่นได้ และไอเสียงก้องบางครั้ง
- ความรุนแรงระดับปานกลาง เด็กจะมีอาการไอเสียงก้องเกือบตลอดเวลา หายใจเสียงดัง หายใจลำบากหน้าอกบุ๋ม
- ความรุนแรงมาก ดื่มนมหรือน้ำไม่ได้ ไอเสียงก้องคล้ายเสียงเห่า หายใจเสียงดัง หายใจลำบากหน้าอกบุ๋ม อ่อนเพลียและหลับได้แค่ช่วงสั้นๆ เนื่องจากหายใจลำบาก
- ความรุนแรงแทรกซ้อน ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จะทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ มีหนองในช่องปอด และเชื้ออาจแพร่กระจายทั่วร่างกายทำให้เกิดฝีตามอวัยวะต่างๆ อุดกั้นทางเดินหายใจทำให้หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้
การดูแลรักษาโรคครูปในเด็กเบื้องต้น
การรักษาโรคครูปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ส่วนใหญ่สามารถพักรักษาตัวได้เองที่บ้าน แต่กรณีที่มีอาการรุนแรง อาจต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาต่อไปค่ะ ในกรณีที่พบว่าลูกป่วยคุณแม่สามารถดูแลในเบื้องต้นได้ดังนี้
- คุณแม่ควรเฝ้าดูอาการในช่วง 1 – 2 วันแรกอย่างใกล้ชิด สังเกตอาการเพื่อป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจอุดตัน หายใจลำบาก
- ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ เพราะจะช่วยบรรเทาอาการลดการบวมของกล่องเสียง เช่น น้ำเปล่า น้ำส้ม นม เป็นน้ำเย็นเล็กน้อยค่ะ
- ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือแอนติฮีสตามีน ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดอาการบวมของกล่องเสียง
- เพิ่มความชื้นให้อากาศ เช่น การวางอ่างน้ำไว้ข้างๆลูก เพื่อให้ได้รับความชื้นจากไอน้ำที่ระเหยค่ะ
การป้องกันโรคครูปในเด็กเบื้องต้น
การป้องกันโรคครูป โดยการดูแลสุขภาพของลูกเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ฝึกให้ลูกล้างก่อนและหลังการรับประทานอาหาร หรือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคหวัด หรือการอยู่ในที่แออัด รวมทั้งไม่ควรใช่สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
หากคุณแม่สงสัยหรือไม่แน่ใจว่าลูกเป็นโรคครูปหรือไม่ คุณแม่ควรจะพาลูกไปพบแพทย์เช่นเดียวกันค่ะ เพื่อรับการตรวจที่ถูกต้องต่อไป เนื่องจากยังมีโรคที่มีอาการคล้ายคลึงกับโรคครูปแต่เป็นโรคที่ร้ายแรงกว่ามาก คือ โรคคอตีบค่ะ
Leave a Reply